ตลาดคริปโตเคลื่อนไหวในทิศทางบวก โดยเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม มูลค่าตลาดรวมพุ่งขึ้น 2.5% ภายใน 24 ชั่วโมง ทะลุระดับ ‘3.06 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ’ หรือประมาณ 4,472 ล้านล้านวอน ซึ่งนับเป็นระดับสูงสุดในรอบราว 8 สัปดาห์ โดย *บิตคอยน์(BTC)* และ *อีเธอเรียม(ETH)* มีบทบาทเป็นผู้นำครั้งนี้ ด้วยราคาที่ปรับขึ้นกว่า 2.3% และ 4% ตามลำดับ
การปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งนี้เกิดขึ้นท่ามกลางสถานการณ์ที่สหรัฐประกาศ ‘คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้เท่าเดิม’ จากธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ผนวกกับ ‘ความกังวลเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อต่อเนื่อง’ ท่ามกลางการชะลอตัวของเศรษฐกิจ หรือที่เรียกว่า ‘ภาวะชะงักงันเศรษฐกิจ’ (*Stagflation*) ส่งผลให้บิตคอยน์ถูกจับตามองในฐานะ ‘สินทรัพย์หลบภัย’ หรือ ‘เครื่องมือเก็บรักษามูลค่า’ นักลงทุนกำลังทบทวนบทบาทของคริปโตอีกครั้งในฐานะเครื่องมือเฮดจ์ความเสี่ยงในช่วงที่ความไม่แน่นอนเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ ความคาดหวังเกี่ยวกับการเจรจา ‘ข้อตกลงการค้าเสรี(FTA)’ ระหว่างสหรัฐและอังกฤษ รวมถึงสัญญาณทางเทคนิคของราคา ที่แสดงว่า ‘ราคาฝ่าด่านแนวต้าน’ สำคัญขึ้นมาได้ ต่างช่วยเติมเชื้อไฟให้กระแสขาขึ้นในตลาด ด้านนักวิเคราะห์บางรายแสดง *ความคิดเห็น* ว่า “ภายหลังจากราคาผ่านแนวต้านที่สำคัญได้ ก็ส่งสัญญาณให้เกิดการซื้ออัตโนมัติ ส่งผลให้แรงซื้อล้นตลาด”
ที่น่าสนใจคือ ท่าทีล่าสุดของ *ประธานาธิบดีทรัมป์* ต่อคริปโตถือเป็นปัจจัยบวกอีกประการที่หนุนความเชื่อมั่นในตลาด โดยก่อนหน้านี้ ทรัมป์ได้แสดง *ความคิดเห็น* อย่างชัดเจนว่า ‘สนับสนุนสิทธิ์ของประชาชนในการถือครองบิตคอยน์’ ซึ่งช่วยเพิ่มน้ำหนักให้กับความคาดหวังเชิงบวกในเชิงนโยบายของภาครัฐต่ออุตสาหกรรมคริปโตในอนาคต
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์เตือนว่า แม้ตลาดจะอยู่ในช่วงขาขึ้นแต่ก็ไม่ควรมองข้ามความเสี่ยง โดยระบุว่า “ตลาดคริปโตกำลังได้รับแรงหนุนจากสัญญาณมหภาค, ความหวังด้านนโยบาย และแนวรับทางจิตวิทยา แต่ก็มีความเป็นไปได้ที่จะเผชิญกับการปรับฐานระยะสั้นภายหลังการขึ้นอย่างรวดเร็ว”
ความคิดเห็น 0