แบล็คร็อก บริษัทบริหารสินทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ได้พบกับกลุ่มทำงานด้านคริปโตของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ (SEC) เมื่อวันที่ 9 เพื่อหารือเกี่ยวกับแนวทางกำกับดูแล ‘การสเตกเหรียญคริปโต’ และ ‘การโทเคนสินทรัพย์จริง’
แบล็คร็อก ซึ่งบริหารสินทรัพย์รวมกว่า 10 ล้านล้านดอลลาร์ (ประมาณ 1.42 พันล้านล้านบาท) ได้ขยับเข้าสู่วงการบล็อกเชนและสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างเต็มตัว โดยมีเป้าหมายชัดเจนว่าจะ ‘โทเคนตลาดหุ้นอเมริกา’ ลงบนบล็อกเชนหลัก และขยายธุรกิจทั่วโลกเพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์การเงินดั้งเดิมผ่านโลก Web3 ให้กับนักลงทุนทุกกลุ่ม
ในส่วนของผลิตภัณฑ์ ETF แบล็คร็อกได้เปิดตัวกองทุนบิตคอยน์(BTC) และอีเธอเรียม(ETH) แบบสปอตได้สำเร็จ โดยกองทุนบิตคอยน์ภายใต้ชื่อ IBIT มีเงินทุนไหลเข้าสุทธิประมาณ 44,000 ล้านดอลลาร์ และปัจจุบันบริหารสินทรัพย์มูลค่า 62,900 ล้านดอลลาร์ ขณะที่ ETHA ซึ่งเป็นกองทุนอีเธอเรียม มีเงินทุนสุทธิเข้าระบบราว 4,200 ล้านดอลลาร์ และมูลค่าการจัดการสินทรัพย์รวมอยู่ที่ประมาณ 2,600 ล้านดอลลาร์
การพบปะกับกลุ่มคริปโตของ SEC ครั้งนี้ มีการพูดคุยทั้งเรื่องการสเตกเหรียญ การโทเคนสินทรัพย์จริง หลักเกณฑ์การอนุมัติ ETF ไปจนถึงตัวเลือกของ ETF ในอนาคต โดยในยุคของประธาน SEC ‘พอล แอตกินส์ (Paul Atkins)’ แบล็คร็อกคาดว่าจะสามารถขยายผลิตภัณฑ์คริปโตที่ได้รับอนุมัติในตลาดได้มากขึ้น
สเตกกิ้งถูกมองว่าเป็นเครื่องมือช่วยเพิ่มรายได้ให้กับนักลงทุนของแบล็คร็อก และในการเจรจากับ SEC ครั้งนี้ แบล็คร็อกได้หยิบยกแนวคิด ETP ที่สามารถสเตกเหรียญได้ขึ้นมาหารือ พร้อมทั้งทำความเข้าใจเงื่อนไขด้านกฎระเบียบอย่างละเอียด เพื่อปูทางสู่การอนุมัติผลิตภัณฑ์คริปโตแบบครบวงจรในอนาคต
‘คำ’ สำคัญ: แบล็คร็อก, บิตคอยน์(BTC), อีเธอเรียม(ETH), การสเตกเหรียญ, โทเคนสินทรัพย์จริง, ETF, SEC
**ความคิดเห็น**: ความเคลื่อนไหวของแบล็คร็อกในครั้งนี้ บ่งชี้ถึงการยกระดับวงการการเงินดั้งเดิมเข้าสู่โลกสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างเป็นรูปธรรม โดยเฉพาะเมื่อผู้เล่นรายใหญ่เลือกลงทุนในเทคโนโลยีบล็อกเชนและคริปโต ก็เป็นสัญญาณที่สะท้อนถึงการยอมรับในกระแส Web3 ที่มาแรงทั่วโลก
ความคิดเห็น 0