SEC ปรับกฎสอบสวนคริปโต: ทิศทางใหม่ภายใต้การนำของมาร์ก อูเยดะ

เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ (SEC) ได้นำกฎระเบียบใหม่ที่สร้างความสนใจอย่างมากในวงการคริปโตฯ เข้ามาใช้ โดยกฎใหม่นี้ระบุให้พนักงานของ SEC ต้องได้รับการอนุมัติจากผู้บริหารระดับสูงก่อนที่จะเริ่มต้นการสอบสวนใด ๆ อย่างเป็นทางการ ความเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นหลังจากการที่แกรี เกนส์เลอร์ (Gary Gensler) พ้นจากตำแหน่ง และมาร์ก อูเยดะ (Mark Uyeda) ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นประธานรักษาการของ SEC

ก่อนหน้านี้พนักงานของ SEC มีอำนาจในการเริ่มต้นการสอบสวนได้โดยอิสระ แต่ภายใต้กฎระเบียบใหม่ การกระทำที่สำคัญ เช่น การออกหมายเรียกหรือการบังคับให้มาปรากฏตัวเพื่อให้การ จะต้องได้รับการอนุมัติจากผู้บริหารที่ได้รับการแต่งตั้งทางการเมืองก่อน แกรี เกนส์เลอร์ ในช่วงที่ดำรงตำแหน่งได้ผลักดันมาตรการควบคุมอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะกับบริษัทคริปโตที่คาดว่าอาจละเมิดกฎหมายหลักทรัพย์ อย่างไรก็ตาม ภายใต้การนำของมาร์ก อูเยดะ และผู้นำใหม่ของ SEC เช่น เฮสเตอร์ เพียร์ซ (Hester Peirce) และแคโรไลน์ เครนชอว์ (Caroline Crenshaw) คาดการณ์ว่าทิศทางการควบคุมคริปโตอาจเปลี่ยนแปลงไป

ปฏิกิริยาจากอุตสาหกรรมต่อความเปลี่ยนแปลงนี้มีทั้งสนับสนุนและคัดค้าน นักวิเคราะห์ NFT ไทเลอร์ วอร์เนอร์ (Tyler Warner) ได้มองว่ากฎใหม่เป็นการเปลี่ยนแปลงที่จำเป็น โดยเขาอธิบายว่า "นี่เป็นมาตรการที่จะทำให้มั่นใจได้ว่าการสอบสวนจะดำเนินบนพื้นฐานของหลักฐานที่ชัดเจนแทนที่จะได้รับอิทธิพลจากแรงจูงใจทางการเมืองหรือส่วนตัว" ในขณะเดียวกัน อดีตที่ปรึกษากฎหมายของ SEC มาร์ก เฟเกล (Marc Fagel) ได้แสดงความกังวลว่านโยบายใหม่นี้อาจทำให้กระบวนการบังคับใช้ล่าช้าและเปิดโอกาสให้กลุ่มมิจฉาชีพฉวยประโยชน์

ผลกระทบต่อผู้ใช้งานคริปโตยังเป็นประเด็นที่น่าจับตามอง ภายใต้การนำของแกรี เกนส์เลอร์ ก่อนหน้านี้ SEC มักจะระบุว่าโครงการคริปโตหลายโครงการเป็นหลักทรัพย์ที่ไม่ได้รับการจดทะเบียน ซึ่งสร้างความไม่แน่นอนในตลาด อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงนี้อาจทำให้ขั้นตอนการสอบสวนช้าลง และสร้างสภาพแวดล้อมทางกฎหมายที่สามารถคาดการณ์ได้มากขึ้นสำหรับบริษัทคริปโต ซึ่งอาจช่วยเสริมสร้างการเติบโตของตลาดในระยะยาว

อย่างไรก็ดี หากการควบคุมถูกผ่อนคลายมากเกินไป อาจส่งผลต่อการปกป้องนักลงทุนที่ลดลง และสร้างช่องว่างสำหรับปัญหา เช่น การฉ้อโกง ความสนใจจึงพุ่งไปที่การดำเนินงานในอนาคตของมาร์ก อูเยดะ และผู้นำใหม่ของ SEC ว่าจะจัดการกับความเปลี่ยนแปลงนี้อย่างไรในบริบทของตลาดที่กำลังพัฒนา