ฟลูทัสเปิดตัว ‘PLUS More’ บนเครือข่าย Based พลิกโฉมระบบรางวัลแบบออนเชนด้วยโทเคน PLUS และ FUEL

ฟลูทัส(Flootus) บริษัทฟินเทคสัญชาติอังกฤษเปิดตัวระบบรางวัลแบบโทเคน ‘PLUS More’ บนเครือข่ายเลเยอร์ 2 ของคอยน์เบส(Based) โดยเน้นการเชื่อมโลกการเงินแบบดั้งเดิมกับโลกการเงินแบบกระจายศูนย์(DeFi) เพื่อสร้างโครงสร้างรางวัลรูปแบบใหม่ที่ผู้บริโภคเป็นผู้กำหนด

ฟลูทัสถือเป็นหนึ่งในผู้บุกเบิกตลาดโทเคนไรซ์(real-world asset tokenization) โดยเริ่มต้นใช้โทเคนฟลูตัน(PLU) สำหรับมอบรางวัลแบบออนเชนมาตั้งแต่ปี 2015 ตลอดสิบปีที่ผ่านมา บริษัทได้แจกจ่ายรางวัลผ่านแอปมากกว่า 58 ล้านดอลลาร์ หรือราว 823 ล้านบาทแก่ลูกค้า

‘PLUS More’ มีเป้าหมายพลิกโฉมระบบรางวัลแบบปิด เช่น ไมล์สะสมสายการบินหรือเงินคืน ที่มักไม่ได้ถูกใช้งาน โดยเปลี่ยนให้กลายเป็นโทเคนแบบเปิดซึ่งนำไปใช้ในแอปฟลูทัสหรือแหล่งอื่นได้ ความตั้งใจของโครงการคือการคืนการควบคุมรางวัลให้กับผู้ใช้ และยกระดับสู่ระบบที่โปร่งใสและเปิดกว้าง

ลูกค้าผู้ถือบัตรฟลูทัสในสหราชอาณาจักรและสหภาพยุโรป สามารถแปลงรางวัลเป็นโทเคนและถอนผ่านเครือข่ายเบสได้หลังได้รับการอนุมัติไลเซนส์จาก MiCA และ FCA โดยผู้ถือโทเคน PLUS จะสามารถเข้าถึงสิทธิพิเศษจากพาร์ทเนอร์ เช่น ส่วนลดด้านการท่องเที่ยว บัตรของขวัญดิจิทัล และสิทธิประโยชน์เฉพาะอื่น ๆ

ระบบนี้ยังได้รับการสนับสนุนจาก ‘FUEL’ ซึ่งเป็นค่าธรรมเนียมบนเครือข่ายใหม่ของ PLUS More โดยทำหน้าที่คล้ายกับค่าแก๊สของอีเธอเรียม(ETH) เงิน FUEL ที่เก็บได้จะถูกนำกลับมามอบให้ผู้ใช้งานแทนการออกโทเคนใหม่ ซึ่งเป็นโมเดลที่สนับสนุนความยั่งยืนของระบบ

ดาเนียล เดโชพาน ซีอีโอฟลูทัสกล่าวว่า “เราเริ่มต้นระบบรางวัลแบบโทเคนมาตั้งแต่ 10 ปีก่อน และขณะนี้ได้สร้างโครงสร้างรางวัลที่สามารถขยายครอบคลุมทั้งสหราชอาณาจักรและสหภาพยุโรปได้” พร้อมเสริมว่า ความสามารถด้าน FUEL และบริการ ‘รางวัลในฐานะบริการ’(RaaS) จะเปิดทางให้บริษัทขยายสู่ตลาดสหรัฐได้ในอนาคต

แม้ว่าเครือข่าย PLUS More จะเปิดใช้งานแล้วบนเบส แต่ปัจจุบันรางวัลยังอยู่ในรูปแบบพอยต์ภายในแอป และยังไม่สามารถทำธุรกรรมบนเชนได้ บริษัทเผยว่าหลังได้รับไลเซนส์อย่างเป็นทางการ ผู้ถือบัตรฟลูทัสที่ผ่านเกณฑ์จะสามารถรับรางวัลบนเชนได้ พร้อมทั้งมีแผนพัฒนา RaaS สำหรับแบรนด์พาร์ทเนอร์เพิ่มเติมด้วย

‘PLUS More’ กลายเป็นอีกหนึ่งกรณีศึกษาที่แสดงถึงทิศทางใหม่ในการนำโทเคนมาใช้งานเชิงพาณิชย์ โดยผสานโลกดิจิทัลกับมูลค่าจริงจากรางวัลที่ผู้บริโภคได้รับ แต่ยังไม่เคยนำมาใช้อย่างมีประสิทธิภาพมาก่อน