กรรมาธิการ CFTC ลาออก เตรียมนั่งซีอีโอสมาคมบล็อกเชน กระตุ้นนโยบายคริปโตสหรัฐ

ซัมเมอร์ เมอร์ซิงเกอร์(Summer Mersinger) หนึ่งในกรรมาธิการของสำนักงานคณะกรรมการซื้อขายล่วงหน้าแห่งสหรัฐ(CFTC) เตรียมเข้ารับตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารของสมาคมบล็อกเชน(Blockchain Association) ซึ่งเป็นองค์กรล็อบบี้ด้านทรัพย์สินดิจิทัลในวันที่ 2 มิถุนายน โดยเธอจะลาออกจากตำแหน่งใน CFTC ภายในวันที่ 30 พฤษภาคม

เมื่อวันที่ 14 สมาคมบล็อกเชนเปิดเผยว่า คริสติน สมิธ(Kristin Smith) ซีอีโอคนปัจจุบัน จะลงจากตำแหน่งในวันที่ 16 พฤษภาคม และก่อนที่เมอร์ซิงเกอร์จะเริ่มงานอย่างเป็นทางการ จะมีการแต่งตั้งรักษาการซีอีโอขึ้นมาดูแลแทนชั่วคราว ทั้งนี้ เมอร์ซิงเกอร์เคยดำรงตำแหน่งกรรมาธิการในนามพรรครีพับลิกันตั้งแต่ปี 2022 ซึ่งตามวาระเดิมจะสิ้นสุดในปี 2028 อย่างไรก็ตาม การลาออกของเธอทำให้ *ทรัมป์* ได้รับอำนาจใหม่ในการเสนอชื่อบุคคลเข้ารับตำแหน่งทดแทน

ปัจจุบัน CFTC ถือเป็นหน่วยงานกำกับดูแลหลักในสหรัฐควบคู่กับคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์(SEC) ในด้านการออกกฎเกณฑ์เกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัล โดยสมาคมบล็อกเชนเชื่อว่าประสบการณ์ของเมอร์ซิงเกอร์จะเป็น *ทรัพยากรสำคัญ* ในการขับเคลื่อนนโยบายด้านคริปโตของสหรัฐไปสู่ระยะใหม่ อย่างไรก็ดี สมิธเคยประกาศตั้งแต่วันที่ 1 เมษายนว่าจะลาออกเพื่อไปรับตำแหน่งประธานคนแรกของสถาบันนโยบายโซลานา(Solana Policy Institute)

ขณะเดียวกัน ธนาคารยักษ์ใหญ่จากสวิตเซอร์แลนด์ UBS รายงานว่า บรรดานักลงทุนที่มีสินทรัพย์สูงในเอเชียเริ่มลดสัดส่วนการถือครองทรัพย์สินที่เป็นดอลลาร์สหรัฐและหันไปเน้นที่ *คริปโตเคอร์เรนซี ทองคำ และตลาดในจีน* มากขึ้น โดยเอมี โล(Amy Lo) ผู้ร่วมบริหารฝ่ายบริหารความมั่งคั่งของลูกค้ามั่งคั่งในเอเชียของ UBS เปิดเผยเมื่อวันที่ 13 ที่งานของ Bloomberg ในฮ่องกงว่า “กระแสความต้องการทองและคริปโตเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน โดยมีปัจจัยจากความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์และความผันผวนของตลาดเป็นแรงผลักดัน”

โลระบุว่า กลยุทธ์การลงทุนที่เคยเน้นตลาดสหรัฐอย่างหนัก กำลังเปลี่ยนไปสู่การกระจายตัวใน *สินทรัพย์ทางเลือก* ทั้ง คริปโต สินค้าโภคภัณฑ์ และสกุลเงินหลากหลายมากขึ้น อีกทั้งความสนใจในตลาดหุ้นจีนแผ่นดินใหญ่และฮ่องกง ซึ่งซบเซามานานนับปี ก็กำลังฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง โดยเฉพาะตลาดหุ้นฮ่องกงที่ตอนนี้ถือว่ามีผลงานแข็งแกร่งที่สุดเทียบกับตลาดโลกในปีนี้ UBS คาดว่าแนวโน้มที่นักลงทุนระดับสูงในเอเชียจะหันมาเพิ่มพอร์ตโฟลิโอในสินทรัพย์ดิจิทัลและตลาดเอเชียจะยิ่ง *ชัดเจนยิ่งขึ้นตลอดปีนี้*