โคอินเบส(COIN) ถูกฟ้องกลุ่ม ปมข้อมูลรั่ว-โดนปรับในอังกฤษ หุ้นร่วง 7.2%

โคอินเบส(COIN) บริษัทซื้อขายคริปโตรายใหญ่ของสหรัฐ กำลังเผชิญกับคดีความแบบกลุ่ม หลังเกิดเหตุ *ข้อมูลรั่วไหล* และกรณี *ละเมิดข้อกำหนดของทางการอังกฤษ* ซึ่งนักลงทุนอ้างว่าเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้หุ้นของบริษัทร่วงลง และทำให้พวกเขาขาดทุน

เมื่อวันที่ 22 นักลงทุนรายหนึ่งชื่อ แบรดี เนสเลอร์ ยื่นฟ้องต่อศาล โดยระบุว่าโคอินเบสไม่เปิดเผย 'ข้อมูลสำคัญ' ที่อาจส่งผลกระทบต่อราคาหุ้น ซึ่งเกี่ยวข้องกับการรั่วไหลของข้อมูลผู้ใช้งานและค่าปรับจากหน่วยงานกำกับดูแลตลาดการเงินของอังกฤษ (FCA) โดยการรั่วไหลของข้อมูลเกิดขึ้นหลายเดือนก่อน แต่โคอินเบสเพิ่งเปิดเผยต่อสาธารณะเมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม

รายงานเผยว่า โคอินเบสเคยถูกแฮกเกอร์เรียกค่าไถ่กว่า *20 ล้านดอลลาร์* และมีหลักฐานว่าทีมงานบริการลูกค้าต่างประเทศบางรายถูกติดสินบนเพื่อให้เข้าถึงข้อมูลลูกค้า เช่น ชื่อ ที่อยู่ และหมายเลขบัตรประจำตัว โดยบริษัทระบุว่ามีผู้ใช้ได้รับผลกระทบต่ำกว่า 1% ของกลุ่มผู้ใช้งานที่ใช้งานประจำรายเดือน

แม้ผลกระทบจะดูไม่รุนแรง แต่ราคาหุ้นโคอินเบส(COIN) ในวันเดียวกันก็ร่วงลง *7.2%* ปิดตลาดที่ 244 ดอลลาร์ วันถัดมาหุ้นฟื้นขึ้นมาที่ 266 ดอลลาร์ ก่อนจะร่วงกลับเหลือ 263 ดอลลาร์ในวันที่ 23 พฤษภาคม อย่างไรก็ตาม สถิติรวมของ COIN ตั้งแต่ต้นปี 2025 ระบุว่าหุ้นยังคงทำผลตอบแทนเป็นบวกอยู่ที่ประมาณ 6%

นอกจากประเด็นเรื่องข้อมูลรั่วไหล คดีนี้ยังพุ่งเป้าไปที่ *ค่าปรับจาก FCA มูลค่า 4.5 ล้านดอลลาร์* เมื่อเดือนกรกฎาคม 2024 โดย FCA ระบุว่าโคอินเบสยอมรับผู้ใช้ความเสี่ยงสูงเกินกว่า 13,000 รายอย่างผิดเงื่อนไข ทั้งที่ก่อนหน้านี้มีข้อตกลงร่วมกันไว้ตั้งแต่ปี 2020 ทั้งนี้ เนสเลอร์ยังอ้างว่าในการเข้าตลาดหุ้นปี 2021 โคอินเบสปกปิดข้อมูลเหล่านี้ไว้ ซึ่งเป็นเหตุให้ราคาหุ้นถูกประเมินเกินจริง

กลุ่มผู้นำการฟ้องร้องต้องการให้โคอินเบสชดเชยความเสียหายแก่ผู้ที่ซื้อหุ้นของบริษัทตั้งแต่วันที่ 14 เมษายน 2021 จนถึง 14 พฤษภาคม 2025 โดยในคดีได้ระบุชื่อผู้บริหารระดับสูงอย่าง ซีอีโอ ไบรอัน อาร์มสตรอง และซีเอฟโอ อเลสเซีย ฮาส เป็นผู้ถูกกล่าวหา

*ความเห็น*: การจัดการข้อมูลภายในที่ไม่โปร่งใส และการละเมิดกฎเกณฑ์จากต่างประเทศ กำลังกลายเป็นปัจจัยที่สร้างความเสี่ยงต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนในธุรกิจคริปโต

โคอินเบสยังไม่ออกแถลงการณ์อย่างเป็นทางการต่อกรณีการฟ้องร้องแต่อย่างใด และปัจจุบันกำลังเผชิญกับคดีความอย่างน้อย 6 คดี รวมถึงข้อกล่าวหาเกี่ยวกับการใช้งานข้อมูลชีวมิติในรัฐอิลลินอยส์อีกด้วย