คดีลักพาตัวและทรมานนักลงทุนคริปโตในอพาร์ตเมนต์หรูใจกลางโซโห กำลังมีความคืบหน้าหลังมีรายงานว่า ผู้ต้องสงสัยรายที่สองเตรียมเข้ามอบตัวในเร็วๆ นี้ เหตุการณ์เริ่มต้นเมื่อ *ไมเคิล วาเลนติโน ธีโอฟราสโต คาร์ตูราน* นักลงทุนชาวอิตาเลียน ถูกลักพาตัวและถูกกักขังเพื่อข่มขู่ให้เปิดเผย *รหัสซีดของกระเป๋าคริปโต* โดยในกระบวนการนั้นเขาต้องเผชิญกับการทรมานอย่างสาหัส
ผู้ต้องสงสัยรายใหม่นี้เป็นนักลงทุนคริปโตสัญชาติสวิส และมีความเกี่ยวข้องโดยตรงกับ *โจเอล เวิลต์ซ(Joel Woeltz)* นักลงทุนผู้มีฉายาว่า “ราชาแห่งคริปโตจากเคนทักกี” ซึ่งถูกจับกุมไปก่อนหน้านี้ตามรายงานจากสื่อกระแสหลักในสหรัฐฯ เวิลต์ซถูกกล่าวหาว่า *จองจำและทรมานคาร์ตูรานเป็นเวลา 17 วัน* ในอพาร์ตเมนต์หรูย่านโซโหของตนเอง โดยเขาเผชิญข้อหา *ลักพาตัว, กักขังโดยมิชอบ, และทำร้ายร่างกาย* และกำลังจะขึ้นศาลอีกครั้งในวันที่ 28 พฤษภาคมนี้ (เวลาท้องถิ่น)
ตามรายงานจาก NBC และ FOX5 New York นักลงทุนสัญชาติสวิสนั้นยังไม่เปิดเผยชื่ออย่างเป็นทางการ แต่คาดว่าจะเข้ามอบตัวภายในไม่กี่วัน อย่างไรก็ตาม บางแหล่งข่าวระบุว่าเขา *อาจถูกจับกุมไปแล้ว* โดย *New York Post* อ้างว่าเขาเป็น *ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทซื้อขายคริปโตในสวิตเซอร์แลนด์*
เหตุการณ์เริ่มเปลี่ยนแปลงในวันที่ 23 พฤษภาคม เมื่อคาร์ตูรานสามารถหลบหนีออกมาได้ โดยตัวเขาอยู่ในสภาพเปลือยเท้าและวิ่งไปขอความช่วยเหลือจากตำรวจจราจรบนท้องถนน มีรายงานว่าในวันนั้นเขาถูกนัดให้เป็น “วันที่ถูกฆ่า” แต่สามารถเบี่ยงเบนความสนใจของผู้ก่อเหตุได้ด้วยการขอค้นหาโน้ตบุ๊กที่เก็บ ‘รหัสซีด’ แล้วอาศัยโอกาสนั้นหลบหนี
ข้อมูลจากการสืบสวนของตำรวจเผยว่า คาร์ตูรานเคยถูก *จับมัดด้วยสายไฟและถูกช็อตไฟฟ้า* รวมถึงถูกจุ่มเท้าในน้ำขณะถูกยิงด้วยเทเซอร์และขู่ด้วยเลื่อยไฟฟ้า นอกจากนี้ยังถูก *บังคับใช้ยาเสพติดและกระทำทารุณทางร่างกาย* อย่างโหดเหี้ยม โดยหลักฐานหนึ่งคือภาพถ่ายโพลารอยด์ที่แสดงให้เห็นว่าเขาถูกมัดติดกับเก้าอี้โดยมีปืนจ่อศีรษะ
จากรายงานของ NBC New York ระบุว่าในช่วงเกิดเหตุ คาร์ตูรานมีทรัพย์สินในครอบครองมูลค่าราว *30 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 411 ล้านบาท)* ทำให้เขายอมเปิดเผย ‘รหัสซีด’ เพราะทนต่อการทรมานไม่ไหว เขาเล่าว่าเดินทางมาสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม เพื่อเข้าร่วมประชุมทางธุรกิจกับเวิลต์ซที่อพาร์ตเมนต์โซโหดังกล่าว และภายหลังถูกยึดพาสปอร์ตและถูกควบคุมตัวโดยไม่ได้รับอนุญาตให้ออกไปไหน
คดีนี้สะท้อนภาพตรงข้ามกับทิศทางของนโยบายในนิวยอร์กอย่างชัดเจน โดยเฉพาะในขณะที่ *เอริก อดัมส์* นายกเทศมนตรีนิวยอร์ก เดินหน้าส่งเสริมให้นครกลายเป็นศูนย์กลางของอุตสาหกรรมคริปโต แต่การเกิดเหตุอาชญากรรมที่เกี่ยวข้องกับคริปโตเช่นนี้ ก็ยิ่งเพิ่มความรู้สึกด้านลบต่อความปลอดภัยของวงการคริปโตโดยรวม
*ความคิดเห็น:* คดีนี้ไม่เพียงเป็นการตอกย้ำถึงความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนในคริปโตเท่านั้น แต่ยังเผยให้เห็นถึงความจำเป็นอย่างเร่งด่วนในการมีมาตรฐานและการควบคุมที่รัดกุม เพื่อป้องกันอาชญากรรมที่ใช้สินทรัพย์ดิจิทัลเป็นเครื่องมือในการก่อเหตุ
ความคิดเห็น 0