นักลงทุนหันมาใช้กลยุทธ์เก็งกำไรระยะสั้น หลังนโยบายภาษีของทรัมป์สร้างความผันผวนในตลาด
ผลจากนโยบายกำแพงภาษีของประธานาธิบดีทรัมป์ ทำให้ตลาดเข้าสู่ภาวะความผันผวนสูง ส่งผลให้เทรดเดอร์หลายรายเริ่มละทิ้งกลยุทธ์การถือครองระยะยาว และหันมาเน้นการทำกำไรในระยะสั้นแทน อาราช ยาซาโบเลียน(Arash Yasaboliyan) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของแพลตฟอร์มเทรดดิ้ง ‘ทาโอซิ’ (Taoshi) ระบุว่าแนวโน้มนี้กำลังแพร่กระจายไปทั่วตลาด
ยาซาโบเลียนเปิดเผยกับ Cointelegraph เมื่อวันที่ 24 ว่า ‘นโยบายภาษีของทรัมป์’ กำลังกระตุ้นความผันผวนที่ขับเคลื่อนโดยข่าวพาดหัวในแต่ละวัน และสร้างสภาวะที่อารมณ์ตลาดเหวี่ยงไปมาหลายรอบภายในวันเดียว ซึ่งความไม่แน่นอนระดับนี้ ทำให้กลยุทธ์แบบตามเทรนด์และการถือระยะยาวแทบไม่สามารถใช้งานได้อีกต่อไป
“เทรดเดอร์หันไปใช้กลยุทธ์การซื้อขายรายวัน (Intraday Trading) มากขึ้น ซึ่งหมายถึงการปิดสถานะเพื่อทำกำไรภายในวันเดียว แทนที่จะเดิมพันต่อเนื่องว่าราคาในระยะยาวจะเป็นอย่างไร เพราะตอนนี้ทั้งความมั่นใจในการขึ้นของราคา และความกล้าในการเปิดสถานะขาลง ต่างก็ถูกกดดันจนหดหายไปหมด” เขากล่าว พร้อมเสริมว่าบริษัทของเขาเองก็ได้ปรับโมเดลการซื้อขายด้วย AI ให้สอดรับกับแนวโน้มนี้เช่นกัน
กรณีนี้นับเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่ชี้ให้เห็นว่า ‘การตัดสินใจเชิงการเมืองระดับโลก’ เช่น นโยบายของทรัมป์ สามารถส่งผลกระทบโดยตรงต่อทั้งตลาดคริปโตและตลาดการเงินแบบดั้งเดิม ความไวต่อข่าวสารและปัจจัยภายนอกทำให้นักลงทุนจำเป็นต้องปรับกลยุทธ์อย่างยืดหยุ่นและคล่องตัวมากขึ้น
‘ความผันผวนที่สร้างจากข่าวพาดหัว (Headline Risk)’ ได้กลายเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของพฤติกรรมในตลาด และยังตอกย้ำว่า ในยุคที่ข้อมูลไหลเร็วและเปราะบางต่อการตีความ กลยุทธ์แบบเดิมอาจไม่เพียงพออีกต่อไป
ความคิดเห็น 0