เซอร์เคิล(Circle) ผู้พัฒนาเหรียญสเตเบิลคอยน์ ยูเอสดีซี(USDC) ระดมทุนได้สำเร็จมูลค่า 1.1 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 1.52 หมื่นล้านบาท) ผ่านการเสนอขายหุ้นต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) ที่ราคาหุ้นละ 31 ดอลลาร์ สูงกว่าระดับราคาเป้าหมายที่คาดไว้ที่ 27-28 ดอลลาร์ โดยสามารถขายหุ้นได้รวม 34 ล้านหุ้น ส่งผลให้มูลค่ากิจการของบริษัทแตะ 6.9 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 9.59 หมื่นล้านบาท)
เซอร์เคิลเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก (NYSE) ภายใต้ตัวย่อหุ้น ‘CRCL’ โดยกลุ่มบริษัทภายใต้การจัดจำหน่ายได้รับสิทธิ์ซื้อหุ้นเพิ่มเติมอีก 5.1 ล้านหุ้นภายในระยะเวลา 30 วัน ด้านแบล็คร็อก (BlackRock) ประกาศแผนเข้าซื้อหุ้น IPO ของเซอร์เคิลในสัดส่วน 10% ขณะที่อาร์กอินเวสต์ (ARK Invest) ของแคธี วูด(Cathie Wood) เตรียมลงทุนเพิ่มอีก 150 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 2.08 พันล้านบาท)
การเข้าตลาดครั้งนี้นับเป็นการจดทะเบียนบริษัทด้านคริปโตครั้งใหญ่อันดับสองในสมัยของประธานาธิบดีทรัมป์ โดยเกิดขึ้นหลังจากอีทูโร(eToro) เปิดตัว IPO ไปเมื่อเดือนก่อน ถือเป็น ‘สัญญาณบวก’ ที่อาจช่วยฟื้นความเชื่อมั่นของนักลงทุน ท่ามกลางความผันผวนของตลาด รวมถึงการผลักดันให้เกิดกรอบกำกับดูแลที่เข้มงวดขึ้นในอุตสาหกรรม
ทั้งนี้ มีรายงานก่อนหน้านี้ว่า ริปเปิล(XRP) เคยเสนอเข้าซื้อเซอร์เคิลด้วยมูลค่ากว่า 5 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 6.95 หมื่นล้านบาท) แต่เซอร์เคิลได้ปฏิเสธข้อเสนอไป ล่าสุด แบรด การ์ลิงเฮาส์(Brad Garlinghouse) ซีอีโอของริปเปิล ได้ออกมาปฏิเสธข่าวลือเกี่ยวกับการเข้าซื้อกิจการเซอร์เคิลอีกครั้ง ในงานประชุมบิตคอยน์ที่ลาสเวกัส ขณะที่บริษัท คอยน์เบส(COIN) ก็เคยตกเป็นกระแสว่าสนใจเข้าซื้อเช่นกัน
สำหรับเหรียญสเตเบิลคอยน์ของเซอร์เคิลอย่าง ยูเอสดีซี(USDC) ครองส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับ 2 รองจากยูเอสดีที(USDT) ของเทเธอร์ โดยมีอัตราครองตลาดอยู่ที่ 27% เซอร์เคิลถือเป็นหนึ่งในบริษัทแรก ๆ ที่ได้รับใบอนุญาต BitLicense จากรัฐนิวยอร์กเมื่อปี 2015 ซึ่งถือเป็น ‘ข้อได้เปรียบ’ อย่างมาก ในช่วงที่ธนาคารและฟินเทคจำนวนมากเริ่มเข้าสู่ตลาดสเตเบิลคอยน์
ความคิดเห็น 0