ไบแนนซ์ ประกาศยุติการสนับสนุนบางเครือข่าย เริ่มมีผล 16 มิถุนายนนี้
เมื่อวันที่ 24 ตามเวลาท้องถิ่น เว็บไซต์ไบแนนซ์เปิดเผยว่าจะยุติการสนับสนุนธุรกรรมฝากและถอนผ่าน *BNB สมาร์ทเชน* สำหรับโทเคนส่วนหนึ่ง ได้แก่ สตาร์ฟี(FIS) และ มิสเซอราเบิลดาต้าโทเคน(MDT) โดยการเปลี่ยนแปลงนี้จะมีผลในวันที่ 16 มิถุนายน เวลา 17.00 น. ตามเวลาเกาหลีใต้ ซึ่งหมายความว่าผู้ใช้งานจะไม่สามารถฝากหรือถอนสินทรัพย์ผ่านเครือข่ายนี้ได้อีกต่อไป
ไบแนนซ์เน้นย้ำว่า หากทำธุรกรรมผ่านเครือข่ายที่ยุติการสนับสนุนหลังถึงกำหนด อาจส่งผลให้ ‘สูญเสียสินทรัพย์’ โดยไม่สามารถกู้คืนได้ ดังนั้นผู้ใช้งานควรดำเนินการย้ายสินทรัพย์ของตนไปยังเครือข่ายอื่นที่ยังเปิดให้บริการก่อนถึงเวลาดังกล่าว *ความคิดเห็น* การดำเนินการครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงความเข้มงวดในการคัดเลือกโทเคนของแพลตฟอร์ม และส่งสัญญาณถึงมาตรการควบคุมความเสี่ยงที่มากขึ้น
แม้จะหยุดให้บริการผ่าน BNB สมาร์ทเชน แต่โทเคนที่ได้รับผลกระทบยังสามารถทำธุรกรรมผ่านเครือข่ายอื่นที่ได้รับการสนับสนุนบนไบแนนซ์ได้ตามปกติ
การเปลี่ยนแปลงนี้ถือเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ระยะกลางถึงระยะยาวของไบแนนซ์ที่มุ่ง *เพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน* และ *ส่งเสริมเสถียรภาพเครือข่าย* แม้ไม่ได้ระบุเหตุผลอย่างเป็นทางการ แต่สัญญาณล่วงหน้าก่อนหน้านี้คือการที่ FIS และ MDT ถูกจัดเข้ารายชื่อ ‘ติดตามพิเศษ’ หรือ Monitoring Tag ของไบแนนซ์ ซึ่งมักเป็นเครื่องหมายเตือนถึงความเสี่ยงสูงในการถูกถอดออกจากรายการซื้อขายหากไม่ผ่านเกณฑ์
ในการอัปเดตล่าสุด ไบแนนซ์ยังได้เพิ่มโทเคนอื่น ๆ อย่าง BIFI และ โคโมโด(KMD) เข้าสู่รายการติดตามพิเศษ และในเวลาเดียวกัน ได้ถอดคู่ซื้อขายที่มี *สภาพคล่องต่ำ* ออก ซึ่งรวมถึง ACX/FDUSD, IDEX/FDUSD และ ORCA/FDUSD เพื่อปรับปรุงคุณภาพของตลาด
แหล่งข่าวในวงการให้ความเห็นว่า การดำเนินการของไบแนนซ์ครั้งนี้ “สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของ *เสถียรภาพเครือข่ายและคุณสมบัติของโทเคน* ที่จำเป็นต่อการคงสภาพอยู่ในตลาด” พร้อมเสริมว่าในกรณีที่ต้นทุนในการสนับสนุนบางเครือข่ายมีมากเกินไป หรือมีปัจจัยเชิงเทคนิคที่เป็นอุปสรรคมากขึ้น ก็มีแนวโน้มที่ทางแพลตฟอร์มจะตัดสินใจถอดสินทรัพย์เหล่านั้นออกจากระบบ
ผู้ใช้งานควรให้ความสำคัญกับการ *ตรวจสอบที่อยู่ฝากและชื่อเครือข่าย* อยู่เสมอ เพื่อลดความเสี่ยงในการโอนสินทรัพย์ผิดเครือข่าย ไบแนนซ์ยังเตือนว่า ควรติดตามข้อมูลล่าสุดจากแพลตฟอร์มเป็นประจำ เพื่อหลีกเลี่ยงความเสียหายที่อาจเกิดจากการใช้งานอย่างผิดพลาด
*ความคิดเห็น* มาตรการนี้ไม่ใช่แค่การหยุดฟังก์ชันบางอย่าง แต่สะท้อนถึงทิศทางของอุตสาหกรรมคริปโตที่ให้ความสำคัญกับ ‘ความปลอดภัย’ และ ‘การบริหารจัดการความเสี่ยง’ เพื่อสร้างความยั่งยืนในระยะยาว ทั้งนี้ ยังอาจมีการดำเนินนโยบายในลักษณะเดียวกันเพิ่มเติมในอนาคต
ความคิดเห็น 0