ราคาบิตคอยน์(BTC) พุ่งเข้าใกล้จุดสูงสุดตลอดกาลอีกครั้ง จุดกระแสความร้อนแรงให้กับนักลงทุนในตลาดคริปโตอย่างกว้างขวาง โดยเหรียญทางเลือกหลายสกุลก็ปรับตัวขึ้นตาม ขณะที่บรรยากาศสนุกสนานของชุมชนถูกเติมเต็มด้วยคำแซวจากผู้ร่วมก่อตั้งดอจคอยน์(DOGE) อย่าง บิลลี่ มาร์คัส(Billy Markus) และข่าวการเปิดตัววิสกี้ภายใต้แบรนด์ ‘House of Doge’
เมื่อวันที่ 10 บิตคอยน์ปรับตัวขึ้นแตะระดับ 110,651 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 15.39 ล้านบาท) เหลือห่างจากจุดสูงสุดก่อนหน้านี้ในเดือนพฤษภาคมที่ 111,814 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 15.54 ล้านบาท) เพียงราว 2% เท่านั้น ถือเป็นการดีดกลับอย่างรวดเร็วจากระดับต่ำสุดในวันที่ 5 ซึ่งอยู่ที่ 100,377 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 13.95 ล้านบาท) ปัจจุบัน บิตคอยน์ซื้อขายอยู่ที่ระดับ 109,625 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 15.22 ล้านบาท) โดยมีการปรับขึ้นรายวัน 1.73% และรายสัปดาห์เกือบ 5% มาร์คัสโพสต์ข้อความสั้น ๆ บนแพลตฟอร์ม X (เดิมคือทวิตเตอร์) ว่า “บิตคอยน์จู่ๆ ก็น่าสนใจขึ้นมาแฮะ” เรียกเสียงหัวเราะจากชุมชนได้ไม่น้อย
เหรียญอัลต์คอยน์หลักอย่าง อีเธอเรียม(ETH) และดอจคอยน์(DOGE) ต่างก็ขยับขึ้นแรง โดยอีเธอเรียมพุ่งขึ้น 8.86% แตะ 2,771 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 3.85 แสนบาท) ขณะที่ดอจคอยน์เพิ่มขึ้น 4.23% มาอยู่ที่ 0.1918 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 266 บาท) บางเหรียญพุ่งสูงถึง 18% ดันดัชนีทั้งตลาดขึ้นกว่า 5.14%
ด้านความผันผวน ตลาดก็ไม่ได้สงบลงแต่อย่างใด ตามข้อมูลจาก CoinGlass มีการชำระบัญชีในตลาดอนุพันธ์รวม 456 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 6,338 ล้านบาท) ภายในวันเดียว โดยในจำนวนนี้เป็นการชำระตำแหน่ง Short สูงถึง 374 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 5,203 ล้านบาท) ‘คำ’ ชี้ให้เห็นถึงความตื่นตัวของนักลงทุนที่รีบเข้าซื้อในช่วงตลาดแข็งแกร่ง
ในอีกด้านหนึ่ง ดอจคอยน์ก็ขยายอิทธิพลสู่โลกสินค้าผู้บริโภค โดยมูลนิธิดอจคอยน์ประกาศร่วมงานกับ Heritage Distilling บริษัทคราฟต์วิสกี้ชื่อดังในอเมริกาเหนือ เปิดตัววิสกี้ขวดพิเศษชื่อ ‘House of Doge’ ซึ่งได้แรงบันดาลใจจากภาพมีมยอดนิยมของดอจคอยน์ ถือเป็นตัวอย่างล่าสุดของการที่คริปโตไม่ได้เป็นเพียงเครื่องมือการลงทุน แต่กำลังพัฒนาไปสู่เครื่องมือทาง ‘วัฒนธรรม’
‘ความคิดเห็น’: การที่บิตคอยน์กลับขึ้นใกล้จุดสูงสุดอีกครั้ง ขณะที่เหรียญอื่น ๆ และกิจกรรมภายนอกโลกการเงินพากันเติบโต อาจบ่งชี้ถึงภาวะตลาดขาขึ้นที่แข็งแรง และแรงหนุนจากปัจจัยใหม่อย่างการปล่อยโปรดักต์ร่วมแบรนด์ก็มีแนวโน้มจะเป็นธีมที่เราเห็นถี่ขึ้นในช่วงที่เหลือของปีนี้
ความคิดเห็น 0