การใช้ *บิตคอยน์(BTC)* เป็นหลักประกันในการกู้เงินเพื่อซื้ออสังหาริมทรัพย์ กำลังกลายเป็นกลยุทธ์การลงทุนยอดนิยมในหมู่กลุ่มผู้มั่งคั่งในวงการคริปโต โดยนักลงทุนเริ่มต้น ผู้ก่อตั้งโครงการ และผู้ถือสินทรัพย์รายใหญ่ ต่างใช้วิธีนี้เพื่อเพิ่มสภาพคล่องของทรัพย์สินโดยไม่ต้องขายบิตคอยน์ ทั้งยังช่วยลดภาระภาษีจากกำไรจากการขายอีกด้วย
เมาริซิโอ ดิ บาร์โทโลเมโอ(Mauricio Di Bartolomeo) ผู้ร่วมก่อตั้งแพลตฟอร์มกู้ยืมด้วยสินทรัพย์คริปโตอย่าง *เลนด์(Ledn)* ให้สัมภาษณ์กับ Cointelegraph ว่า “ผู้ใช้งานกลุ่มนี้อาจไม่มีคุณสมบัติตามเกณฑ์ของสถาบันการเงินแบบดั้งเดิมในการขอกู้ แต่พวกเขาครอบครองบิตคอยน์มูลค่ามหาศาล และใช้มันในการกู้เงินโดยไม่ต้องขาย” พร้อมระบุว่า “มันกลายเป็นเครื่องมือทางการเงินที่สำคัญในการเพิ่มทุนโดยไม่ต้องสูญเสียสินทรัพย์หลัก”
ข้อดีที่สำคัญคือ การกู้เงินโดยใช้บิตคอยน์เป็นหลักประกัน ไม่ถือเป็นการขาย จึงไม่ถูกเรียกเก็บภาษีจากกำไรในหลายประเทศ ดิ บาร์โทโลเมโอ อธิบายว่า “เนื่องจากไม่มีการขาย จึงไม่มีเหตุให้ต้องเสียภาษี ซึ่งหมายความว่านักลงทุนยังสามารถคงความเป็นเจ้าของคริปโตไว้ และรับผลกำไรหากมูลค่าของบิตคอยน์สูงขึ้นในอนาคตได้”
การกู้ยืมด้วยบิตคอยน์ยังได้เปรียบในเรื่องความรวดเร็ว โดยทั่วไปผู้กู้จะล็อกบิตคอยน์ไว้ในสัดส่วนที่ครอบคลุมมูลค่าการกู้ในอัตราส่วน 50% หรือ LTV ที่ 50% เพื่อแลกรับเงินสกุลคำสั่งหรือ *สเตเบิลคอยน์* เลนด์ระบุว่ากระบวนการอนุมัติเงินกู้เฉลี่ยใช้เวลาเพียง 9.6 ชั่วโมง ซึ่งเพียงพอสำหรับการจ่ายเงินดาวน์หรือซื้ออสังหาริมทรัพย์ได้ทันที
ความยืดหยุ่นด้านการชำระคืน ก็เป็นอีกหนึ่งจุดขายของการกู้แบบนี้ แม้จะมีดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมระหว่างช่วงเวลากู้ แต่ผู้กู้ไม่ได้มีภาระต้องชำระรายเดือน และสามารถชำระคืนล่วงหน้า หรือ ยืดระยะเวลากู้ได้ หาก LTV ไม่เกิน 60% นอกจากนี้ หากราคาบิตคอยน์เพิ่มขึ้นก็ยังสามารถถอนหลักประกันส่วนเกินกลับมาใช้ได้อีกด้วย
กระแสดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่า *บิตคอยน์* ไม่ใช่แค่สินทรัพย์เพื่อเก็งกำไรอีกต่อไป แต่กำลังถูกนำมาใช้เป็นหลักประกันในระบบการเงินแบบใหม่ ซึ่งสร้างกลยุทธ์ทางการเงินใหม่ให้กับกลุ่มผู้มั่งคั่งในอุตสาหกรรมคริปโตและผู้เกี่ยวข้องในระบบนิเวศของสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างมีนัยสำคัญ
ความคิดเห็น 0