ไมเคิล เซย์เลอร์(Michael Saylor) ออกมาแสดงการสนับสนุนต่อเมตาแพลเน็ต(Metaplanet) บริษัทญี่ปุ่นที่เดินหน้าใช้กลยุทธ์สะสม *บิตคอยน์(BTC)* อย่างจริงจัง โดยเขาโพสต์ผ่านแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย X เพื่อยกย่องความสำเร็จล่าสุดของบริษัท พร้อมส่งสารแสดงความยินดีถึง ไซมอน เกอร์โอวิช(Simon Gerovich) ซีอีโอของเมตาแพลเน็ตและผู้ถือหุ้นทั้งหลาย
คำแสดงความยินดีจากเซย์เลอร์มีขึ้นทันทีหลังจากเมตาแพลเน็ตประกาศเข้าซื้อ *บิตคอยน์* เพิ่มอีก 1,112 เหรียญ คิดเป็นมูลค่าราว 117.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1.6 หมื่นล้านเยน) ส่งผลให้ราคาต่อหน่วยเฉลี่ยของการซื้ออยู่ที่ประมาณ 105,435 ดอลลาร์สหรัฐต่อเหรียญ และภายหลังจากการประกาศดังกล่าว ราคาหุ้นของเมตาแพลเน็ตที่อยู่ในตลาด OTC ในนาม MTPLF ก็พุ่งขึ้นถึง 26%
ในปีนี้เพียงปีเดียว เมตาแพลเน็ตเปิดเผยว่าบริษัทมีผลตอบแทนจาก *บิตคอยน์* สูงถึง 266.1% และจนถึงปัจจุบัน บริษัทได้สะสม *บิตคอยน์* แล้วรวมทั้งสิ้น 10,000 เหรียญ ถือว่าทำได้ตามเป้าหมายเดิมที่จะถือครองให้ได้จำนวนนี้ภายในสิ้นปี 2025 ล่วงหน้าไปถึง 6 เดือน ทั้งนี้ บริษัทยังวางแผนต่อยอดโครงการสะสมสินทรัพย์ดิจิทัล โดยตั้งเป้าถือครอง *บิตคอยน์* ให้ได้มากถึง 21,000 เหรียญภายในสิ้นปี 2026 ตัวเลขซึ่งเท่ากับจำนวน *บิตคอยน์* ทั้งหมดที่มีอยู่ในระบบ และมีนัยสำคัญเชิงสัญลักษณ์
การระดมทุนของเมตาแพลเน็ตก็เดินหน้าอย่างเร่งรัด โดยเมื่อต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา บริษัทได้ประกาศออก MS วอร์แรนต์ทั้งสิ้น 55.5 พันล้านหน่วย คาดว่าจะสามารถระดมทุนได้ราว 5.34 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 53.4 หมื่นล้านเยน ซึ่งบริษัทตั้งใจจะนำเงินทั้งหมดไปใช้ในการซื้อ *บิตคอยน์* เพิ่มเติม ถือเป็นครั้งแรกในตลาดญี่ปุ่นที่มีการออกวอร์แรนต์ด้วยราคาที่สูงกว่าตลาด อีกทั้งยังเป็นการระดมทุนด้วยขนาดใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของตลาดนี้
ในอีกด้านหนึ่ง บริษัทสแตรทิจี(Stratgy) ที่เซย์เลอร์เป็นผู้ร่วมก่อตั้ง ปัจจุบันถือครอง *บิตคอยน์* อยู่ประมาณ 582,000 เหรียญ คิดเป็นมูลค่ารวมประมาณ 62.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 86.7 ล้านล้านเยน ซึ่งเขาได้โพสต์กราฟจำนวนการถือครองของบริษัทพร้อมข้อความว่า “ยิ่งใหญ่ยิ่งดี” เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา บ่งบอกถึงความเป็นไปได้ที่จะมีการซื้อเพิ่มอีกในอนาคต
*ความคิดเห็น:* สารจากเซย์เลอร์ไม่ใช่แค่การแสดงความยินดีธรรมดา แต่เป็นการส่งสัญญาณเชิงบวกไปยังองค์กรทั่วโลกที่พิจารณาการใช้ *บิตคอยน์* เป็นทรัพย์สินหลัก และกรณีของเมตาแพลเน็ตที่ใช้กลยุทธ์เชิงรุกนี้ก็กำลังกลายเป็นกรณีศึกษาที่ตลาดจับตาอย่างใกล้ชิด
ความคิดเห็น 0