โซลานา(SOL) กำลังกลับมาอยู่ในความสนใจของตลาดอีกครั้งในช่วงครึ่งแรกของปี 2025 ด้วยแนวโน้มราคาที่พุ่งสูงอย่างรวดเร็ว โดยจากระดับประมาณ 95 ดอลลาร์เมื่อต้นปี SOL ได้ปรับตัวขึ้นแตะระดับกว่า 160 ดอลลาร์ในต้นเดือนมิถุนายน สร้างความตื่นเต้นให้กับนักลงทุน โดยมีปัจจัยหลายประการที่ผลักดันราคานี้ ได้แก่ การเติบโตของกระแส ‘เหรียญมีม’, การขยายตัวของการเงินแบบกระจายอำนาจ(DeFi) และความคาดหวังต่อการเปิดตัวกองทุน ETF
โซลานาได้รับความนิยมในฐานะบล็อกเชนหลักของโครงการ Web3 หลายแห่ง โดยมี ‘ความเร็วสูง’ และ ‘ค่าธรรมเนียมต่ำ’ เป็นจุดเด่น ล่าสุด ปริมาณผู้ใช้เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนจากกลุ่มนักสะสม NFT และผู้สนใจเหรียญมีม ส่งผลให้ความต้องการครอบครอง SOL เพิ่มขึ้นอย่างมาก นอกจากนี้ ข่าวลือว่า ETF ที่อิงกับ SOL อาจได้รับการอนุมัติในตลาดหุ้นสหรัฐ ก็ยิ่งหนุนจิตวิทยาการลงทุนให้คึกคักยิ่งกว่าเดิม
การพัฒนาเครือข่ายของโซลานาเองก็มีความเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง โดย ‘ไฟเออร์แดนเซอร์(Firedancer)’ ไคลเอนต์ตัวใหม่จากบริษัทจัมพ์คริปโต(Jump Crypto) ได้รับความสนใจ เนื่องจากมุ่งลดปัญหาเครือข่ายล่มที่เคยเกิดขึ้น และเพิ่มความสามารถในการรองรับปริมาณการทำธุรกรรมที่มากขึ้น
ในด้านกลยุทธ์ระดับโลก โซลานาได้เร่งขยายชุมชนนักพัฒนาและผู้ใช้งานผ่านกิจกรรมอย่างแฮคกาธอน โปรแกรม Hyperdrive และการจัดตั้งกองทุนสนับสนุนระบบนิเวศ ทำให้มีโครงการหลายร้อยรายจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และละตินอเมริกาเข้าร่วม นับเป็นการผลักดันการใช้งานจริงของโซลานาในประเทศกำลังพัฒนา ซึ่งเป็นตลาดที่มีฐานผู้ใช้มือถือสูง
กระแสของ ‘เหรียญมีม’ บนโซลานาในปี 2025 ก็มีความร้อนแรงอย่างมาก โทเคนอย่าง ด็อกวีฟแฮต(WIF), บองค์(BONK), ป๊อปแคท(POPCAT) และมิว(MEW) ต่างมีมูลค่าตลาดแตะระดับหลายหมื่นล้านบาท โดยได้รับกระแสตอบรับดีจากนักลงทุน แม้จะไม่มีฟีเจอร์ทางเทคนิคเฉพาะตัวมากนัก แต่การซื้อขายผ่านโซลานาที่ค่าธรรมเนียมต่ำ ทำให้สามารถสร้างประสบการณ์คล้ายกับบูมของเหรียญมีมบนอีเธอเรียม(ETH) เมื่อปี 2021 ได้โดยไม่ต้องเผชิญกับปัญหาค่าธรรมเนียมสูง
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังควรระมัดระวัง เพราะเหรียญมีมจำนวนมากไม่มีประโยชน์ใช้งานจริงและพึ่งพาเพียงแรงเก็งกำไร ความเสี่ยงตรงนี้ส่งผลให้ชุมชนเรียกร้องให้นักลงทุนให้ความสำคัญกับการตรวจสอบข้อมูลและการบริหารความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
การเปิดตัว ETF ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่อาจสร้างจุดเปลี่ยนใหญ่ให้กับโซลานา โดยบริษัทจัดการสินทรัพย์รายใหญ่ของโลกทั้งแวนเอค, เกรย์สเกล และ 21Shares ต่างได้ยื่นคำขอเปิดกองทุน ETF ที่อิงกับ SOL แล้ว โดยเฉพาะเกรย์สเกลที่มีแผนจะเปลี่ยน Solana Trust เดิมเป็น ETF ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักงาน ก.ล.ต. สหรัฐ โดยคาดว่าเดือนกรกฎาคม 2025 จะเป็นช่วงเวลาสำคัญในการตัดสินใจ
หากการอนุมัติ ETF เกิดขึ้นจริง นักวิเคราะห์มองว่าโซลานาจะมีโอกาสเปิดประตูสู่เงินทุนจากนักลงทุนสถาบันที่ใหญ่ขึ้น และเพิ่มการเข้าถึงสำหรับนักลงทุนทั่วไปผ่านเครื่องมือการลงทุนที่คุ้นเคยอย่าง ETF
โดยรวมแล้ว ปี 2025 ถือเป็นช่วงการเปลี่ยนผ่านที่สำคัญของโซลานา โดยไม่ได้จำกัดแค่การฟื้นตัวของราคาเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการพัฒนาในระดับระบบนิเวศทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น NFT, DeFi, เกม ไปจนถึงการชำระเงิน ความเคลื่อนไหวเหล่านี้ทำให้โซลานากลายเป็นแพลตฟอร์มที่น่าจับตามองจากทั้งนักลงทุนและนักพัฒนาในวงกว้าง และอาจก้าวขึ้นมาเป็นแกนกลางของโลกคริปโตในระยะถัดไปอย่างจริงจัง
ความคิดเห็น 0