Back to top
  • 공유 แชร์
  • 인쇄 พิมพ์
  • 글자크기 ขนาดตัวอักษร
ลิงก์ถูกคัดลอกแล้ว

คริปโตดอทคอมเผยรายงาน: บล็อกเชนคือรากฐานอนาคตไร้ศูนย์กลาง ไม่ใช่แค่ฐานข้อมูล

คริปโตดอทคอม(Crypto.com) เผยแพร่รายงานล่าสุดที่วิเคราะห์ถึงรากฐานของเทคโนโลยีบล็อกเชน ครอบคลุมทั้งระบบแบบกระจาย กลไกฉันทามติ และปัญหาแม่ทัพไบแซนไทน์ โดยเน้นว่าเทคโนโลยีนี้คือหัวใจของการสร้างโลกอนาคตแบบ ‘ไร้ศูนย์กลาง’ ซึ่งไม่ได้เป็นเพียงนวัตกรรมเชิงเทคนิค แต่ได้วิวัฒน์เป็นระบบแบบกระจายที่สามารถรักษาความน่าเชื่อถือและความปลอดภัยของธุรกรรมได้ แม้ในเงื่อนไขที่ปราศจากความไว้วางใจ

รายงานชี้ว่า บล็อกเชนยึดหลัก ‘ความไม่เปลี่ยนแปลง’, ‘ความโปร่งใส’ และ ‘การไม่มีศูนย์กลาง’ เป็นแกนหลัก ‘ความไม่เปลี่ยนแปลง’ หมายถึงข้อมูลที่บันทึกแล้วไม่สามารถถูกแก้ไขได้ ‘ความโปร่งใส’ แสดงถึงการที่ใครก็สามารถตรวจสอบธุรกรรมได้ และ ‘การไม่มีศูนย์กลาง’ หมายความว่าไม่มีผู้ควบคุมระบบรายใดสามารถสั่งการได้เพียงลำพัง ซึ่งคุณสมบัติเหล่านี้ส่งผลให้บล็อกเชนกลายเป็นรากฐานสร้างความน่าเชื่อถือที่เปิดกว้างและเป็นอิสระจากระบบแบบรวมศูนย์ในอดีต

รายงานยังได้เจาะลึกคุณสมบัติสำคัญของระบบแบบกระจาย เช่น ‘การประมวลผลพร้อมกัน’, ‘การไม่มีนาฬิกากลาง’ และ ‘ความล้มเหลวในระดับแต่ละโหนด’ ทำให้โหนดต่างๆ ภายในเครือข่ายไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลเดียวกันในเวลาเดียวกันได้ และยังไม่มีข้อมูลครบถ้วนเกี่ยวกับสถานะของกันและกัน เมื่อต้องอาศัยการสื่อสารเพื่อบรรลุฉันทามติ จึงจำเป็นต้องมีโปรโตคอลการสื่อสารที่ซับซ้อน ซึ่งแสดงให้เห็นว่าบล็อกเชนนั้นไม่ได้เป็นเพียงฐานข้อมูลธรรมดา แต่เป็นระบบคอมพิวเตอร์ที่ซับซ้อนตามทฤษฎีระบบแบบกระจาย

หนึ่งในอุปสรรคพื้นฐานของระบบแบบนี้คือ ‘ปัญหาแม่ทัพไบแซนไทน์’ ที่รายงานกล่าวถึงว่า เป็นสถานการณ์ที่สมาชิกในเครือข่ายต้องตัดสินใจร่วมกันได้ แม้จะมีฝ่ายที่ไม่ซื่อสัตย์หรือมีความล่าช้าในการติดต่อสื่อสาร กลไกการฉันทามติในบล็อกเชนถูกออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์นี้ โดยให้โหนดทุกตัวสามารถตรวจสอบข้อมูลด้วยตัวเอง แล้วตัดสินใจบนพื้นฐานของ ‘บล็อก’ ที่เป็นโครงสร้างฉันทามติร่วมกัน ตัวอย่างเช่น หากโหนดไม่สามารถบรรลุฉันทามติ การสร้างบล็อกใหม่จะไม่เกิดขึ้น เทียบได้กับแม่ทัพไบแซนไทน์ที่ไม่สามารถโจมตีได้หากไร้ฉันทามติ

กลไกที่กล่าวมานี้เรียกว่า ‘กลไกฉันทามติ’ โดยแต่ละโครงการบล็อกเชนจะมีชุดโปรโตคอลเฉพาะของตัวเองเพื่อรักษาความปลอดภัยและความไร้ศูนย์กลางไปพร้อมกัน รายงานยังได้อ้างอิงถึงโครงการหลักอย่าง บิตคอยน์(BTC) เพื่อแสดงให้เห็นการนำแนวคิดเหล่านี้ไปใช้จริง

นอกจากนี้ รายงานยังกล่าวถึงเทคโนโลยีทางเลือกอย่าง DAG (Directed Acyclic Graphs), โครงสร้างแบบบล็อกตาข่าย และแนวคิดที่กว้างขึ้นของ ‘เทคโนโลยีบัญชีแยกประเภทแบบกระจาย (DLT)’ ซึ่งแม้จะมีหลักการแบบฉันทามติเหมือนกัน แต่ก็แตกต่างกันในเชิงโครงสร้างและประสิทธิภาพการทำธุรกรรม โดยกลุ่มเทคโนโลยีเหล่านี้ถูกมองว่าเป็นทางเลือกที่อาจเหนือกว่าบล็อกเชนในบางแง่มุม โดยเฉพาะเรื่อง ‘ความสามารถในการปรับขนาด’ รายงานยังเตือนว่า แม้คำว่า ‘บล็อกเชน’ จะกลายเป็นคำสามัญ แต่เทคโนโลยีทุกรูปแบบที่ถูกกล่าวถึงนั้นไม่ได้อยู่ในกลุ่มเทคโนโลยีเดียวกันทั้งหมด

ท้ายที่สุด คริปโตดอทคอมมองว่าบล็อกเชนไม่ใช่แค่รูปแบบใหม่ของฐานข้อมูลเท่านั้น แต่เป็น ‘การทดลองทางเทคโนโลยีและสังคม’ ขนาดใหญ่ที่มุ่งพิสูจน์ความ ‘จริง’ ของการทำธุรกรรมท่ามกลางระบบที่ ‘ไร้ความไว้ใจ’ รายงานคาดว่าเทคโนโลยีนี้จะขยายตัวไปไกลกว่าแวดวงการเงิน ไปสู่ภาคส่วนอื่นทั้งการบริหารจัดการ, การแพทย์, การจัดการซัพพลายเชน และอื่นๆ

‘ความน่าเชื่อถือ’ จากเครือข่ายแบบกระจายที่ถูกเข้ารหัส พร้อมทั้ง ‘ฉันทามติที่ดำเนินโดยอัตโนมัติ’ กำลังได้รับความสนใจว่าอาจทดแทนระบบความปลอดภัยแบบรวมศูนย์ในอดีต และทั้งหมดนี้ชี้ให้เห็นว่า บล็อกเชนไม่ใช่เพียงกระแสชั่วคราว แต่เป็น ‘พาราไดม์ระยะยาว’ ที่มีแนวโน้มจะเปลี่ยนโลกในอนาคต

<ลิขสิทธิ์ ⓒ TokenPost ห้ามเผยแพร่หรือแจกจ่ายซ้ำโดยไม่ได้รับอนุญาต>

บทความที่มีคนดูมากที่สุด

บทความที่เกี่ยวข้อง

บทความหลัก

คอยน์เบส(COIN) ถอด 4 เหรียญคริปโตฯ ชื่อดัง ฉุด SYN ดิ่งกว่า 15%

ความคิดเห็น 0

ข้อแนะนำสำหรับความคิดเห็น

ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ต้องการบทความติดตามเพิ่มเติม เป็นการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม

0/1000

ข้อแนะนำสำหรับความคิดเห็น

ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ต้องการบทความติดตามเพิ่มเติม เป็นการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม
1