กระแสของ ‘ปัญญาประดิษฐ์(AI)’ กำลังเปลี่ยนแนวทางของอุตสาหกรรมเกมไปอย่างสิ้นเชิง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อ ‘บล็อกเชน’ ซึ่งเคยถูกมองว่าเป็นเพียงส่วนเสริมในเกม กลับกลายมาเป็น *โครงสร้างพื้นฐานสำคัญ* ในการขับเคลื่อนการเล่นเกมที่ดำเนินไปโดย AI ในยุคใหม่ ความเร็วและเซิร์ฟเวอร์ที่ดีไม่ใช่สิ่งเพียงพออีกต่อไป การมี *ประสบการณ์เกมแบบสังคม* ซึ่งเอื้อให้เกิดการปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้เล่นกับ AI เอเจนต์นั้น จำเป็นต้องพึ่งพา *โครงสร้างแบบกระจายศูนย์* ของเทคโนโลยีบล็อกเชน
ปัจจุบัน เกมที่ขับเคลื่อนด้วย AI ส่วนใหญ่ยังดำเนินภายใต้ระบบ ‘รวมศูนย์’ ทำให้เนื้อหาหรือผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นระหว่างการเล่น มักหายไปเมื่อเซิร์ฟเวอร์ถูกปิด ผู้เล่นอาจสร้างตัวละครหรืออาวุธที่โดดเด่นขึ้นมา แต่ทั้งหมดนี้ก็ยังถูกขังอยู่ในจักรวาลของเกมนั้นเพียงเกมเดียว ซ้ำร้ายยังทำให้ทุกการสร้างสรรค์กลายเป็นแค่*ผลงานใช้ครั้งเดียว* ซึ่งขาดศักยภาพในการต่อยอดอย่างแท้จริง
แนวคิดที่ว่า AI จะกลายเป็น ‘คู่หูร่วมสร้างสรรค์’ ในเกม — ปรับตัวตามสไตล์ของผู้เล่นและร่วมออกแบบเรื่องราวไปพร้อมกัน — ทำให้ความ ‘เป็นเจ้าของ’ ต่อสิ่งที่ถูกสร้างขึ้น เช่น ตัวละคร ไอเทม หรือเรื่องราว มีความสำคัญอย่างยิ่ง อย่างไรก็ดี ภายใต้โมเดลแบบรวมศูนย์นั้น สิทธิ์ความเป็นเจ้าของมักตกอยู่ในมือของบริษัทเกม โดยผู้เล่นไม่สามารถเปลี่ยนผลงานให้กลายเป็นมูลค่าได้ เป็นเพียงผู้บริโภคที่สร้างและจบลงภายในแพลตฟอร์มเดียว
*บล็อกเชน* คือคำตอบที่สามารถพลิกโครงสร้างทั้งหมด บล็อกเชนสามารถบันทึกขั้นตอนการเล่นเกม, พัฒนาการของ AI และเนื้อหาทั้งหมดไว้ *บนเชน* แบบถาวร ที่สำคัญคือช่วยให้ AI สามารถ ‘จดจำ’ เหตุการณ์หรือข้อมูลจากเซสชันก่อนหน้า เพื่อสร้าง *โครงเรื่องที่ต่อเนื่อง* และมีการพัฒนาตัวละครอย่างสมจริงในหลายเกมหรือหลายสภาพแวดล้อม ข้อมูลทั้งหมดจะถูกเก็บไว้ใน ‘กระเป๋าเงิน’ ของผู้ใช้ จึงสามารถเข้าถึงได้แม้เกมต้นทางปิดตัวลง
ที่เหนือไปกว่านั้น คือเนื้อหาเชิงสร้างสรรค์จากผู้ใช้และ AI สามารถ *เปลี่ยนเป็น NFT* เพื่อรับรองความเป็นเจ้าของ และสามารถ *ส่งต่อข้ามแพลตฟอร์ม* ไปยังเกมหรือโลกเสมือนอื่น ๆ ได้ ถือเป็นการเปิดทางให้เกิด *การเชื่อมโยงและการใช้งานร่วมกันของสินทรัพย์ดิจิทัล* ข้ามจักรวาลเกม ผู้เล่นสามารถพกไอเทมหรือ AI ตัวโปรดจากหนึ่งเกมไปใช้งานในอีกจักรวาลหนึ่ง ซึ่งจะยกระดับอุตสาหกรรมจากเกมเดี่ยว สู่ *ระบบนิเวศแบบสังคมที่เชื่อมต่อกันอย่างไร้รอยต่อ*
แม้ว่าการนำระบบนี้มาใช้จะเพิ่มภาระด้านต้นทุนในการประมวลผลข้อมูล แต่ความก้าวหน้าของ *เทคโนโลยี Layer2 และ Layer3* ทำให้ประเด็นนี้กำลังคลี่คลายอย่างรวดเร็ว ความสามารถในการประมวลผลธุรกรรมในระดับหลายพันรายการต่อวินาที และค่าธรรมเนียมที่ลดลงจนแทบไม่มีผลกระทบ คือก้าวสำคัญที่ผลักดันการเปลี่ยนผ่านนี้ให้เป็นจริง
ยิ่งไปกว่านั้น ทรัพย์สินที่อยู่บนเชนยังกลายเป็นเส้นทางเพิ่มรายได้ที่แท้จริงให้ผู้เล่น ไอเทมที่สร้างโดย AI สามารถ ‘มิ้นท์’ เป็น NFT และนำไปขายในตลาดได้โดยตรง ผู้เล่นจึงสามารถ *แปลงความคิดสร้างสรรค์เป็นมูลค่าทางการเงิน* ขณะที่บริษัทเกมก็ได้รับรายได้จากค่าธรรมเนียมการมิ้นท์ การปรับแต่ง และการให้เครื่องมือสร้างสรรค์ต่าง ๆ ไปพร้อมกัน
แก่นแท้ของ Web3 ไม่ใช่แค่เรื่องของเทคโนโลยี แต่คือ *การเปลี่ยนมุมมองต่อประสบการณ์ในการเล่นเกม* โดยสิ้นเชิง AI กลายเป็นผู้เล่นร่วมสร้าง บล็อกเชนกลายเป็นผู้บันทึกและรับรอง ผู้เล่นจากต่างจักรวาลสามารถเข้ามาเชื่อมต่อและมีปฏิสัมพันธ์กันได้อย่างไร้พรมแดน ในบริบทใหม่นี้ เกมไม่ใช่เพียงแค่สื่อบันเทิง — แต่คือ *ประสบการณ์ทางสังคมในยุคดิจิทัล*
ไม่ใช่แค่ในวงการเกมเท่านั้น บรรดาสถาบันการเงินระดับโลกและบริษัทยักษ์ใหญ่มากมาย ต่างหันมาใช้โครงสร้างบนบล็อกเชน ซึ่งสะท้อนถึงการตระหนักรู้ถึงความสำคัญของ *โครงสร้างแบบกระจายศูนย์* ถ้าเกมในอนาคตต้องการเป็นแพลตฟอร์ม AI เชิงปฏิสัมพันธ์อย่างแท้จริง การมีโครงสร้าง Web3 ที่รองรับ *ความจำ, ความเป็นเจ้าของ, และการสร้างรายได้* ถือเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
หากไม่มีสิ่งเหล่านี้ เกมแห่งอนาคตก็ไม่มีความต่างจากแค่ ‘เวอร์ชั่นทดลอง’ ที่ยังไม่สมบูรณ์เท่านั้น.
ความคิดเห็น 0