รัฐบาลไทยขยายเวลายกเว้นภาษีเงินได้จากกำไรคริปโตถึงปี 2029 หวังดึงดูดนักลงทุน-ปูทางสู่ศูนย์กลางสินทรัพย์ดิจิทัลเอเชีย
เมื่อวันที่ 17 ตามเวลาท้องถิ่น จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยผ่าน X (เดิมคือ Twitter) ว่า รัฐบาลไทยได้ตัดสินใจ ‘ยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาจากการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล’ จำนวน 5 ปี ตั้งแต่เดือนมกราคม 2025 ถึงสิ้นปี 2029 โดยผู้ที่จะได้รับสิทธิดังกล่าวต้องทำธุรกรรมผ่านแพลตฟอร์มที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)
จุลพันธ์ระบุว่า จุดประสงค์ของมาตรการครั้งนี้คือ *ผลักดันประเทศไทยให้กลายเป็นศูนย์กลางสินทรัพย์ดิจิทัลแห่งเอเชีย* พร้อมเน้นย้ำว่า นโยบายนี้ไม่เพียงเอื้อต่อ *นวัตกรรมที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีบล็อกเชน* เท่านั้น แต่ยังเป็นการปูรากฐานด้านรายได้ภาษีในระยะยาวของประเทศด้วย โดยรัฐบาลประเมินว่า มาตรการยกเว้นภาษีครั้งนี้จะช่วยสร้างรายได้ภาษีเพิ่มขึ้นมากกว่า 1 พันล้านบาทในอนาคต ความเห็นหนึ่งระบุว่า *นโยบายนี้สะท้อนความตั้งใจของรัฐบาลที่เน้นสร้างระบบนิเวศให้แข็งแรง มากกว่ามุ่งเก็บภาษีระยะสั้น*
การยกเว้นภาษีนี้จะครอบคลุมถึงผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลที่ได้รับใบอนุญาตภายใต้ “พระราชกฤษฎีกาธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561” เช่น ศูนย์ซื้อขาย โบรกเกอร์ และดีลเลอร์ โดยทุกบริษัทที่เข้าข่ายจะต้องอยู่ภายใต้การกำกับของ ก.ล.ต. และสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน(ปปง.) อย่างสอดคล้อง
ขณะเดียวกัน รัฐบาลไทยยังประกาศแผนรองรับมาตรฐาน “แนวทางรายงานข้อมูลคริปโต (CARF)” ขององค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) ซึ่งจะบังคับให้ผู้ให้บริการสินทรัพย์ดิจิทัลต้องเปิดเผยข้อมูลธุรกรรมอย่างถูกต้องและโปร่งใสมากยิ่งขึ้น มาตรการนี้ถูกมองว่า เป็นกลยุทธ์ในการดึงดูด *นักลงทุนต่างชาติ* ผ่านความเชื่อมั่นด้านกำกับดูแล ขณะเดียวกันก็ช่วยขยายฐานภาษีสำหรับอนาคต
ในขณะที่หลายประเทศทั่วโลกเลือกควบคุมคริปโตอย่างเข้มงวด รัฐบาลไทยกลับเลือกวิธีสร้างสมดุลด้วยการ ‘ส่งเสริมและควบคุมไปพร้อมกัน’ ความเคลื่อนไหวครั้งนี้จึงโดดเด่นท่ามกลางทิศทางโลก โดย *อาจกลายเป็นแรงหนุนให้สตาร์ตอัป Web3 และบริษัทต่างชาติมองไทยเป็นเป้าหมายลงทุน* จุดนี้เองที่นักวิเคราะห์เชื่อว่า จะมีผลต่อการแข่งขันในตลาดคริปโตภูมิภาคเอเชีย และชี้ว่านโยบายภาษีใหม่นี้คือหนึ่งในก้าวสำคัญของเศรษฐกิจดิจิทัลไทย
ความคิดเห็น 0