รัฐบาลเช็กรอดพ้นจากการถูกลงมติไม่ไว้วางใจอีกครั้ง หลังเผชิญวิกฤตทางการเมืองที่เกี่ยวข้องกับการบริจาค *บิตคอยน์(BTC)* มูลค่ากว่า 4,500 ล้านดอลลาร์ คราวนี้แม้ฝ่ายค้านรวมพลังกันเรียกร้องให้รัฐบาลลาออก แต่กลับไม่สามารถรวบรวมเสียงได้เกินครึ่ง
ต้นเรื่องคือ *เงินบริจาคบิตคอยน์ประมาณ 625 ล้านบาท (4,500 ล้านดอลลาร์)* ซึ่งส่งมอบให้แก่กระทรวงยุติธรรมเช็ก โดย *โทมัส ยีร์จิโคฟสกี* บุคคลที่เพิ่งถูกตัดสินว่ามีความผิดในคดีค้ายาเสพติด ลักลอบค้าอาวุธ และยักยอกทรัพย์ เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคมที่ผ่านมา คำถามจึงเกิดขึ้นว่าเหตุใดรัฐบาลถึงรับ ‘เงินดิจิทัลจากแหล่งที่ไม่เหมาะสม’ โดยไม่มีการตรวจสอบ ทำให้สถานการณ์ลุกลามจนกลายเป็นวิกฤตความน่าเชื่อถือของภาครัฐ
กลุ่มฝ่ายค้านนำโดยพรรค ANO, SPD และพรรคโจรสลัด ต่างเสนอญัตติไม่ไว้วางใจรัฐบาล แต่หลังจากอภิปรายกันยืดเยื้อนานกว่า 24 ชั่วโมง ผลออกมาว่ามีเพียง 94 เสียงสนับสนุน ยังไม่ถึงเกณฑ์ 101 เสียงที่จำเป็นต้องมีเพื่อให้ญัตติผ่าน ตามรายงานของ *Ceske Noviny* ครั้งนี้นับเป็นความพยายามครั้งที่ 4 ในรอบ 3 ปีที่ผ่านมาในการล้มรัฐบาลของนายกรัฐมนตรี *ปีเตอร์ ฟิอาลา* แต่ล้วนไม่สำเร็จ
แม้รัฐบาลจะรอดมาได้ แต่วิกฤตนี้ได้จุดประเด็นใหม่ว่า *ข้าราชการควรมีจริยธรรมอย่างไรในการรับหรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับสกุลเงินดิจิทัล* นายกรัฐมนตรีฟิอาลาเองยอมรับว่าสถานการณ์ทำให้ภาพลักษณ์พรรคลดลง พร้อมระบุว่า “จะรับผิดชอบต่อความบกพร่องด้านศีลธรรม” อย่างไรก็ตาม เขาก็โต้ตอบฝ่ายค้านว่า “เปลี่ยนการอภิปรายไม่ไว้วางใจให้เป็นเวทีตะโกนด่าทอและป้ายสีด้วยคำโกหก”
กระแสเรื่อง *ความสัมพันธ์ระหว่างนักการเมืองกับสกุลเงินดิจิทัล* ไม่ได้เกิดเพียงในเช็กเท่านั้น ล่าสุด *ทรัมป์* ก็ถูกเปิดเผยว่าได้กำไรจากธุรกิจคริปโต และ *ฮาเวียร์ มิลเลย์* ประธานาธิบดีอาร์เจนตินา ก็กำลังต่อสู้กับเรื่องอื้อฉาวเกี่ยวกับเหรียญลิบรา เหตุการณ์ในเช็กครั้งนี้จึงนับว่าเป็นอีกหนึ่งกรณีชัดเจนที่แสดงให้เห็นถึง *อิทธิพลของคริปโตต่อเวทีการเมือง* ทั่วโลกอย่างไม่สามารถมองข้ามได้
ความคิดเห็น 0