จำนวนบิตคอยน์(BTC)ที่ถูกถือครองในระยะยาวมีจำนวนแซงหน้าการสร้างเหรียญใหม่เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ส่งผลให้ภาพลักษณ์ด้าน ‘ความหายาก’ ของสินทรัพย์ดิจิทัลนี้เข้มข้นขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงในเชิงโครงสร้างของตลาดที่น่าจับตา
เมื่อวันที่ 18 ตามเวลาท้องถิ่น บริษัทฟิเดลิตี ดิจิทัล แอสเสท(Fidelity Digital Assets)ของสหรัฐ เปิดเผยรายงานว่า บิตคอยน์เฉลี่ยวันละ 566 เหรียญกำลังถูกดูดกลืนเข้าไปในหมวด “อุปทานโบราณ” หรือเหรียญที่ไม่มีการเคลื่อนไหวมาอย่างน้อย 10 ปี ตัวเลขนี้สูงกว่าจำนวนการขุดเหรียญใหม่ในแต่ละวันที่เฉลี่ยอยู่ที่ 450 เหรียญ ซึ่งหมายความว่าอุปทานใหม่ของบิตคอยน์กำลังลดลงเร็วเกินคาด
แจ็ค เวนไรท์(Zack Wainwright) นักวิเคราะห์จากฟิเดลิตี ระบุว่า *“ความเชื่อมั่นอย่างมั่นคงของผู้ถือระยะยาว กำลังส่งอิทธิพลต่อทั้งตลาด”* พร้อมอธิบายว่าอัตราการดูดกลับเหรียญเข้าสู่สถานะเก็บถาวรกำลังเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน ขณะที่การเคลื่อนไหวของเหรียญในหมวดนี้ยังมีอัตราลดลงต่ำกว่า 3%
ปัจจุบัน บิตคอยน์ในประเภทอุปทานโบราณมีมากกว่า 3.4 ล้านเหรียญ หรือราว 17% ของอุปทานทั้งหมด โดยส่วนหนึ่งสันนิษฐานว่าเป็นของซาโตชิ นากาโมโตะ ผู้สร้างบิตคอยน์ และอาจไม่มีวันถูกนำกลับมาใช้งานอีก *ความคิดเห็น* เหรียญเหล่านี้จึงอาจเทียบได้กับ ‘สินทรัพย์ที่สูญหาย’ ไปแล้ว อย่างไรก็ตาม ฟิเดลิตีระบุว่า ภายหลังการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐปี 2024 ความไม่แน่นอนในตลาดได้กระตุ้นให้ผู้ถือครองระยะยาวบางรายเริ่มเคลื่อนย้ายเหรียญเพื่อขายทำกำไร
รายงานยังเผยว่า ตั้งแต่วันที่ 8 มิถุนายนที่ผ่านมา จำนวนเหรียญที่เคลื่อนจากกระเป๋าที่ถือมานานเกิน 5 ปี เพิ่มขึ้นมากกว่าสามเท่าจากระดับปกติ *ความคิดเห็น* สถานการณ์นี้อาจอธิบายได้ว่าเป็นสาเหตุที่ทำให้ราคาบิตคอยน์นิ่งอยู่ในกรอบแคบ โดยนับตั้งแต่ต้นปี 2025 ราคาบิตคอยน์เพิ่มขึ้นเพียงราว 12% เท่านั้น ถือว่าน้อยเมื่อเทียบกับช่วงตลาดกระทิงในอดีต
ขณะเดียวกัน ฟิเดลิตียังประเมินว่าพฤติกรรมการถือครองระยะยาวและการสะสมเหรียญในรูปแบบอุปทานโบราณกำลังกลายเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของบิตคอยน์ พร้อมมองว่าการที่นักลงทุนสถาบันเข้ามามากขึ้น และผลิตภัณฑ์การลงทุนที่อิงกับสินทรัพย์ดิจิทัลมีจำนวนเพิ่มขึ้น กำลังสนับสนุนแนวโน้มนี้ เวนไรท์กล่าวว่า *“นี่คือคุณสมบัติที่ไม่มีสินทรัพย์อื่นใดเทียบเท่าได้ และเมื่อความต้องการมีมากขึ้น ความหายากจะกลายเป็นมูลค่าที่แท้จริง”*
ทั้งนี้ บริษัทวิเคราะห์ธุรกรรมบนบล็อกเชนอย่าง Glassnode ได้ออกมาระบุถึงความเปลี่ยนแปลงของรูปแบบการขายกำไรของผู้ถือบิตคอยน์ตามระยะเวลา โดยจากเดิมที่ผู้ถือเกิน 12 เดือน เช่น ‘วาฬ’ หรือรายใหญ่เป็นผู้ขายหลัก ปัจจุบันกลับกลายเป็นผู้ถือระยะสั้นไม่เกิน 12 เดือนซึ่งคิดเป็นสัดส่วนถึง *83% ของการขายทำกำไรรวม*
โดยเฉพาะผู้ถือระหว่าง 6–12 เดือน รายได้จากการขายต่อวันในกลุ่มนี้สูงถึง *652.56 ล้านดอลลาร์* หรือประมาณ *9,076 ล้านบาท* ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่สูงที่สุดอันดับสองของปีนี้
*ความคิดเห็น* ความเปลี่ยนแปลงนี้สะท้อนจุดเปลี่ยนทางจิตวิทยาระหว่างนักลงทุนระยะสั้นและระยะยาว ซึ่งอาจกลายเป็นปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลต่อทิศทางราคาบิตคอยน์ในระยะถัดไป
ความคิดเห็น 0