ในช่วงเวลาที่รัฐสภาสหรัฐฯ กำลังเร่งออกกฎหมายกำกับดูแล ‘สเตเบิลคอยน์’ ให้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น ล่าสุด ริปเปิล(Ripple) ได้ทำการออกสเตเบิลคอยน์ใหม่ RLUSD มูลค่า 10 ล้านโทเค็นเพิ่มเติม โดยมีเป้าหมายชัดเจนในการท้าทายการครองตลาดของเทเธอร์(USDT) และ USDC จากเซอร์เคิล พร้อมวางยุทธศาสตร์เพื่อขึ้นเป็นผู้นำในตลาดสเตเบิลคอยน์
การออกเหรียญครั้งนี้เกิดขึ้นท่ามกลางความเคลื่อนไหวของ ‘กฎหมาย Genius’ ซึ่งกำลังได้รับแรงสนับสนุนในวุฒิสภาสหรัฐฯ ในขณะเดียวกัน มูลค่าตลาดรวมของสเตเบิลคอยน์ก็เติบโตขึ้นถึง *54%* เมื่อเทียบกับปีก่อน อยู่ที่ราว 3.5 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐหรือประมาณ 349.8 ล้านล้านวอน ตามข้อมูลล่าสุดของปีนี้
ริปเปิลเปิดเผยว่ากำลังร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับกระทรวงการคลังสหรัฐฯ และฝ่ายนโยบาย เพื่อผลักดัน RLUSD ให้กลายเป็นกรณีศึกษาความสำเร็จในยุคใหม่ของระบบการเงินดิจิทัล โดยเมื่อเร็วๆ นี้ สก็อต เบสเซนต์ รัฐมนตรีช่วยคลังสหรัฐฯ ยังกล่าวเน้นถึงความสำคัญของสเตเบิลคอยน์ว่าอาจกลายเป็น ‘ผู้ซื้อพันธบัตรรัฐบาลรายใหญ่ที่สุด’ และยังเป็นเครื่องมือสำคัญในการรักษา *อิทธิพลของเงินดอลลาร์* ต่อไป
นักวิเคราะห์หลายรายมองการออก RLUSD ไม่ใช่แค่การเพิ่มปริมาณ แต่เป็น ‘การเตรียมพร้อมด้านกฎหมาย’ เชิงกลยุทธ์ โดยมีมุมมองว่าหากกฎหมาย Genius ผ่านใช้งานอย่างเต็มรูปแบบ สถานการณ์อาจเปลี่ยนแปลง *ภายใน 6 ถึง 24 เดือน* นับจากนี้ ความคิดเห็นจาก จอห์น ดีตัน นักกฎหมายยืนยันว่า “กฎระเบียบที่ชัดเจนคือหัวใจของการขยายความต้องการสเตเบิลคอยน์” เช่นเดียวกับ แบรด การ์ลิงเฮาส์ ซีอีโอริปเปิล ที่เชื่อว่าตลาดนี้อาจโตได้ *ถึง 10 เท่า* ในอีก 5 ปีข้างหน้า
ขณะเดียวกัน ระบบนิเวศของ XRP ก็ได้รับแรงกระตุ้นควบคู่ไปด้วย ผลวิจัยจากบริษัทวิเคราะห์เชนอย่าง Glassnode ระบุว่า ผู้ถือ XRP ราว *79%* ขณะนี้อยู่ในสภาวะกำไร ขณะที่จำนวนกระเป๋าเงินที่ใช้งานและกิจกรรมบนเครือข่ายก็เพิ่มขึ้นตามการใช้งาน RLUSD ซึ่งสะท้อนถึงทิศทางการเติบโตของบริการบน *เครือข่ายริปเปิลเลดเจอร์*
ไม่เพียงเท่านั้น ปรากฏการณ์บูมของสเตเบิลคอยน์รอบนี้ยังจุดกระแสให้องค์กรคริปโตหลายแห่งเริ่มแผน IPO หรือการขายหุ้นต่อสาธารณชน ริปเปิล, เจมิไน และคราเคน คือสามบริษัทหลักที่อยู่ระหว่างการพิจารณาเรื่องนี้ ท่ามกลางแรงกดดันทางกฎหมายที่คลี่คลาย และมูลค่าตลาดที่กลับมาแข็งแกร่งอย่างเห็นได้ชัด
ท้ายที่สุด การเพิ่ม RLUSD ของริปเปิลครั้งนี้ ไม่ใช่แค่การเปิดเหรียญเพิ่ม แต่เป็นการวางตัวเชิงกลยุทธ์ทั้งในด้านนโยบายภายในประเทศและการหาจังหวะครองตลาดก่อนใคร ถือเป็นการเตรียมความพร้อมเต็มรูปแบบเพื่อช่วงชิงบทบาทผู้นำในศึกคริปโตระดับ *ดอลลาร์ดิจิทัล* ที่กำลังจะมาถึง และหนึ่งในข้อเท็จจริงที่ชัดเจนคือ *ริปเปิลไม่ได้ตั้งใจเป็นแค่ตัวประกอบในเรื่องนี้แน่นอน*
ความคิดเห็น 0