กระทรวงยุติธรรมของสหรัฐฯ (DOJ) ประสบความสำเร็จในการอายัดเงินที่เกี่ยวข้องกับคดีฉ้อโกงคริปโตเคอร์เรนซีครั้งใหญ่ในระดับนานาชาติ โดยมีบริษัทผู้ออกเหรียญสเตเบิลคอยน์รายใหญ่ที่สุดในโลกอย่าง เทเธอร์(USDT) มีบทบาทสำคัญในการดำเนินการครั้งนี้ เทเธอร์ร่วมมือกับ DOJ ในการอายัดเหรียญเทเธอร์(USDT) มูลค่าราว 225 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 3,128 ล้านบาท ซึ่งเป็นเงินที่เกี่ยวข้องกับการหลอกลวงประเภทที่เรียกว่า ‘Pig Butchering’ โดยใช้วิธีสร้างความเชื่อใจกับเหยื่อในระยะยาว ก่อนหลอกให้ลงทุนในคริปโตแล้วชักชวนให้โอนเงิน
การอายัดในครั้งนี้เกิดขึ้นได้จากการใช้เครื่องมือวิเคราะห์บล็อกเชนที่สามารถติดตามการเคลื่อนไหวของสินทรัพย์ผิดกฎหมายแบบเรียลไทม์ ส่งผลให้สามารถดำเนินการอายัดได้อย่างทันท่วงที เหตุการณ์ดังกล่าวสะท้อนความร่วมมือที่เพิ่มขึ้นระหว่างภาคเอกชนในอุตสาหกรรมคริปโตกับหน่วยงานกำกับดูแล
ทางเทเธอร์ระบุว่า ความสำเร็จครั้งนี้สะท้อนเจตนารมณ์ในการดำเนินธุรกิจภายใต้หลัก ‘ความโปร่งใส การปฏิบัติตามกฎหมาย และการคุ้มครองผู้ใช้งาน’ โดยจนถึงปัจจุบัน เทเธอร์มีความร่วมมือกับหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายกว่า 255 แห่งใน 55 ประเทศทั่วโลก และได้อายัดเหรียญเทเธอร์(USDT) ไปแล้วกว่า 2.7 พันล้านดอลลาร์ หรือราว 3.75 หมื่นล้านบาท จากธุรกรรมที่ต้องสงสัยว่าไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ตัวอย่างหนึ่งคือเมื่อเดือนมีนาคม 2025 เทเธอร์ได้ร่วมมือกับหน่วยสืบราชการลับของสหรัฐฯ ในการอายัดเงิน 23 ล้านดอลลาร์ หรือราว 319 ล้านบาท ที่เชื่อมโยงกับ ‘การันเทกซ์’ (Garantex) แพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตของรัสเซียซึ่งอยู่ในรายชื่อที่ถูกคว่ำบาตร อีกทั้งยังเคยทำงานร่วมกับบล็อกเชน ทรอน(TRON), บริษัทความปลอดภัยบล็อกเชน TRM Labs และหน่วยงานยุติธรรมของสเปน เพื่อบล็อกสินทรัพย์ผิดกฎหมายมูลค่ากว่า 100 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 1,390 ล้านบาท
เปาโล อาร์โดอิโน(Paolo Ardoino) ซีอีโอของเทเธอร์ ระบุว่า “การร่วมมือกับ DOJ ครั้งนี้แสดงให้เห็นว่าเทเธอร์ไม่ได้เป็นเพียงผู้สร้างเหรียญสเตเบิลคอยน์เท่านั้น แต่ยังมีบทบาทในการคุ้มครองระบบนิเวศและสอดคล้องกับมาตรฐานการกำกับดูแลด้วย” พร้อมย้ำว่า เทเธอร์จะยังคงเป็น ‘ผู้นำที่รับผิดชอบ’ เพื่อสนับสนุนความโปร่งใสและการเติบโตอย่างมั่นคงของอุตสาหกรรม
ด้านนโยบาย เทเธอร์ยังแสดงจุดยืนสนับสนุน ‘กฎหมาย GENIUS’ ที่เพิ่งผ่านความเห็นชอบจากสภาคองเกรสสหรัฐฯ โดยกฎหมายดังกล่าวกำหนดให้ผู้ออกเหรียญสเตเบิลคอยน์ที่อิงเงินดอลลาร์ทุกราย ต้องมีระบบสำหรับอายัดทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมผิดกฎหมาย เทเธอร์ให้ความเห็นว่า กฎหมายนี้ช่วย “สร้างรากฐานด้านความเชื่อมั่นให้ตลาดสเตเบิลคอยน์และส่งเสริมการเติบโตในระยะยาว”
แม้อุตสาหกรรมคริปโตเคอร์เรนซีจะถูกวิจารณ์ว่าเปิดช่องให้เกิดอาชญากรรม เพราะลักษณะการทำธุรกรรมที่ไม่ระบุตัวตนและไม่มีศูนย์กลาง แต่กรณีของเทเธอร์ชี้ให้เห็นว่า บริษัทเอกชนเองก็สามารถมีบทบาทเชิงรุกในการช่วยตรวจสอบและสกัดกั้นธุรกรรมผิดกฎหมายได้ ‘ความคิดเห็น’: ความร่วมมือระหว่างบริษัทคริปโตกับเจ้าหน้าที่รัฐกำลังเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่อาจปูทางสู่อุตสาหกรรมที่มีความรับผิดชอบและยั่งยืนมากยิ่งขึ้น
ความคิดเห็น 0