ราคาของ *พายคอยน์(PI)* ร่วงลงอย่างต่อเนื่องท่ามกลางกระแสปรับฐานของตลาดคริปโตเคอร์เรนซีในภาพรวม ล่าสุด *นิโคลัส โคคาลิส(Nicolas Kokkalis)* ผู้ก่อตั้ง *พายเน็ตเวิร์ก(Pi Network)* ได้ออกมาแสดงความคิดเห็น โดยระบุว่า การร่วงลงของพายคอยน์ครั้งนี้ไม่ใช่ปัญหาภายในของโครงการ แต่เป็นผลกระทบจากการปรับตัวของเหรียญหลักอย่าง *บิตคอยน์(BTC)*, *อีเธอเรียม(ETH)* และ *โซลานา(SOL)* ซึ่งสะท้อนถึงแนวโน้มของ *ตลาดโดยรวม*
จากผลกระทบของปัจจัยระหว่างประเทศ โดยเฉพาะความตึงเครียดในตะวันออกกลางและความกังวลเรื่องเงินเฟ้อ ตลาดคริปโตจึงได้รับแรงสั่นสะเทือน และ *พายคอยน์* เองได้รับผลกระทบอย่างหนัก โดยลดลงกว่า 11% เมื่อสัปดาห์ก่อน แม้ว่าจะมีการฟื้นตัวขึ้นเล็กน้อยมาอยู่ที่ราว 0.50 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 695 บาท) แต่ก็ยังคงใกล้ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ อีกทั้งการ *ปลดล็อกโทเคน* ในเดือนมิถุนายนกว่า 263 ล้านโทเคน ซึ่งเทียบเท่ากับมูลค่าประมาณ 132.8 ล้านดอลลาร์ (ราว 1.8 พันล้านบาท) ก็ยิ่งเพิ่มแรงกดดันด้านซัพพลายอย่างมาก
โคคาลิสแสดงความเห็นผ่านทวิตเตอร์ว่า การร่วงลงของราคา *เป็นเพียงภาวะชั่วคราว* ซึ่งสะท้อนถึง “ช่วงเวลาการปรับตัว” ของตลาด ในขณะเดียวกัน เขาเน้นว่า *พายเน็ตเวิร์ก* ยังไม่เปิดใช้งานเมนเน็ตแบบสาธารณะและยังไม่ขึ้นตลาดหลัก แต่มีรากฐานที่แข็งแกร่งด้วยฐานผู้ใช้งานกว่า 50 ล้านคน พร้อมระบบนิเวศน์แอปพลิเคชันที่เติบโตต่อเนื่อง “ความตื่นตระหนกของตลาดเป็นเพียงการตีความมากเกินไป” เขากล่าวพร้อมชี้ให้เห็นถึง *ศักยภาพการใช้งานในระยะยาว*
ในขณะเดียวกัน นักวิเคราะห์ตลาดกลับมีมุมมองที่ชัดเจนยิ่งขึ้น โดย ‘ดร. อัลต์คอยน์(Dr. Altcoin)’ มองว่า *พายคอยน์* มีแนวโน้มจะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 0.40 ดอลลาร์ (ประมาณ 556 บาท) ในช่วงนี้ และกิจกรรม *Pi Day 2* ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 28 มิถุนายน อาจไม่เพียงพอในการช่วยให้ราคาฟื้นตัวอย่างเด่นชัด โดยยังมีแรงกดดันเพิ่มเติมจากการปลดล็อกโทเคนอีก 40 ล้านเหรียญในวันที่ 1 กรกฎาคม คิดเป็นมูลค่าประมาณ 20.2 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 280 ล้านบาท)
ชุมชน *พายเน็ตเวิร์ก* ยังให้ความสนใจกับการประมูลโดเมน ‘.pi’ ซึ่งมีการเสนอราคากว่า 123,000 รายการแล้ว นับว่าเป็นสัญญาณของการขยายตัวของระบบนิเวศ อย่างไรก็ดี ทีมพัฒนา *ยังไม่ได้เปิดเผยแผนงานใหม่หรือกำหนดการเข้าตลาดอย่างชัดเจน* นักวิเคราะห์หลายรายจึงเชื่อว่า ตลาดจะตอบสนองกับ “การเติบโตเชิงการใช้งานจริง” มากกว่าการคาดหวังแบบเก็งกำไรระยะสั้น
ทั้งนี้ เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา พายเน็ตเวิร์กเคยสร้างความประหลาดใจด้วยการปรับตัวขึ้น 175% หลังมีการประกาศอีเวนต์สำคัญ ซึ่งทำให้กิจกรรมอย่าง *Pi Day 2* อาจกลายเป็นปัจจัยกระตุ้นราคาได้อีกครั้ง อย่างไรก็ตาม สิ่งที่สำคัญกว่าตัวราคาในเวลานี้คือ *การสร้างยูทิลิตี้ที่เกิดขึ้นจริง* ซึ่งเป็นองค์ประกอบหลักที่ตลาดเริ่มให้ความสำคัญมากกว่าการเคลื่อนไหวราคาชั่วคราว
ความคิดเห็น 0