ราคาอีเธอเรียม(ETH) ร่วงลงอย่างหนักในช่วงไม่กี่วันมานี้ หลังเกิดเหตุสหรัฐอเมริกาโจมตีเป้าหมายทางนิวเคลียร์ในอิหร่าน ส่งผลให้ความวิตกของนักลงทุนกระพือเพิ่มขึ้นอีกระลอก ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ทวีความรุนแรงในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ฉุดให้ราคา ETH ดิ่งต่ำกว่า 2,200 ดอลลาร์ ก่อนฟื้นคืนขึ้นมาเล็กน้อย แต่เมื่อวัดจากช่วง 7 วันที่ผ่านมา ราคายังคงร่วงไปกว่า 15% สะท้อนถึงความไม่มั่นคงที่กำลังปกคลุมตลาดในขณะนี้
แม้จะมีแรงซื้อกลับเข้ามาบ้าง แต่อีเธอเรียมยังต้องเผชิญแรงกดดันจากสถานะเลเวอเรจในตลาดฟิวเจอร์ส ซึ่งถูกมองว่ายังคง ‘แน่นเกินไป’ ตามรายงานของบริษัทวิจัยแมทริกซ์พอร์ต(Matrixport) ที่มี มาร์คุส ทีเลน(Markus Thielen) นักวิเคราะห์คริปโตชื่อดังร่วมงานอยู่ ทีเลนให้ความเห็นว่า “สภาพแวดล้อมตลาดที่เต็มไปด้วยการใช้เลเวอเรจสูงเช่นนี้ เสี่ยงที่จะกดดันราคาต่อไปได้อีก” พร้อมเสริมว่าแรงขายอาจยังไม่จบลง เพราะการล้างสถานะยังไม่เสร็จสิ้นดี ความผันผวนล่าสุดจึงอาจเป็นผลจากเลเวอเรจที่เร่งให้ขาดทุนหนักขึ้นกว่าปกติ
อย่างไรก็ดี ท่ามกลางปัจจัยพื้นฐานที่สั่นคลอน อีเธอเรียมกลับแสดงความแข็งแกร่งด้านส่วนแบ่งตลาดบนแพลตฟอร์มไบแนนซ์ จากข้อมูลของบริษัทวิเคราะห์ออนไลน์คริปโตเควนต์(CryptoQuant) พบว่า ปริมาณการซื้อขายของ ETH ยังคงทรงตัวในช่วง 300-490 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐตั้งแต่เดือนมกราคม 2023 ถึงพฤษภาคม 2025 ขณะที่อัลท์คอยน์อื่น ๆ เริ่มลดลงอย่างชัดเจนตั้งแต่พฤศจิกายนที่ผ่านมา แสดงให้เห็นว่านักลงทุนเริ่มโยกเงินออกจากเหรียญเสี่ยงสูง ไปสู่ ETH ซึ่งถูกมองว่า ‘เสถียรกว่า’ ในช่วงวิกฤต
ในช่วงที่ภาวะตลาดตึงเครียด สินทรัพย์บางประเภทอาจได้รับแรงหนุนจากเงินทุนที่ไหลเข้าอย่างระมัดระวัง (Risk-off) ซึ่งกรณีของอีเธอเรียมก็อาจเข้าข่ายเช่นนั้น ความสามารถในการรักษาความนิยมในหมู่นักลงทุน ส่งผลให้ ETH มีแนวโน้มจะขยับขึ้นในด้านส่วนแบ่งตลาดในระยะกลางถึงยาว
แต่ในระยะสั้น ความเสี่ยงยังไม่หมดไป ปัจจัยด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่ยังคุกรุ่น รวมถึงการปิดสถานะฟิวเจอร์สจำนวนมาก อาจกดดันให้ราคาอีเธอเรียมทรุดลงอีก นักลงทุนจึงควรติดตามพัฒนาการทั้งในแง่เทคนิคและการเมืองโลกอย่างใกล้ชิด พร้อมวางกลยุทธ์รับมือตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในตลาดคริปโตในขณะนี้
ความคิดเห็น 0