มาสเตอร์การ์ด(MA) หนึ่งในเครือข่ายการชำระเงินที่ใหญ่ที่สุดในโลก เดินหน้าขยายบทบาทสู่ตลาดคริปโตอย่างจริงจัง ด้วยการจับมือกับเชนลิงก์(LINK) ในความร่วมมือครั้งสำคัญนี้ ผู้ใช้บัตรเครดิตและเดบิตจำนวนกว่า 3 พันล้านรายของมาสเตอร์การ์ดจะสามารถเข้าถึงบริการซื้อสินทรัพย์ดิจิทัลโดยตรงได้ ซึ่งถือเป็นการเร่งให้เกิดการใช้งานคริปโตจริงในวงกว้าง และช่วยลดช่องว่างระหว่างระบบการเงินแบบดั้งเดิมกับโลกการเงินแบบไร้ศูนย์กลาง
เชนลิงก์ ในฐานะเครือข่ายโอราเคิลแบบไร้ศูนย์กลาง จะนำเสนอเทคโนโลยีที่ช่วยเชื่อมต่อบล็อกเชนต่างๆ ให้ทำงานร่วมกันได้ การผสานระบบกับมาสเตอร์การ์ดในครั้งนี้ ยังรวมถึงความร่วมมือกับบริษัทอย่าง ซีโร่แฮช(Zerohash) สำหรับการปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านกฎหมาย, ชิฟต์โฟร์(Shift4 Payments) ซึ่งดำเนินการชำระเงินด้วยบัตร และยูนิสวอป(UNI) แพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนโทเคนแบบไร้ศูนย์กลาง ซึ่งร่วมกันพัฒนาโครงสร้างบริการคริปโตที่ครบวงจร เซอร์เกย์ นาซารอฟ ผู้ร่วมก่อตั้งเชนลิงก์กล่าวว่า “นี่เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่เชื่อมระบบการเงินแบบเดิมเข้ากับธุรกรรมออนเชนได้อย่างแท้จริง”
ตลาดตอบรับข่าวนี้อย่างร้อนแรง ราคาของเชนลิงก์พุ่งขึ้นกว่า 11% ภายในวันเดียว สู่ระดับประมาณ 13.39 ดอลลาร์ (ราว 18,587 บาท) ขึ้นแท่นคริปโตที่มีการปรับตัวขึ้นสูงสุดในบรรดาอัลท์คอยน์ 20 อันดับแรกตามมูลค่าตลาด มูลค่าตลาดแบบ Fully Diluted ของเชนลิงก์แตะ 13.4 พันล้านดอลลาร์ (ราว 1.86 ล้านล้านบาท) ขณะที่ปริมาณการซื้อขายในช่วง 24 ชั่วโมงอยู่ที่ 686 ล้านดอลลาร์ (ราว 9.5 หมื่นล้านบาท) ทั้งนี้ ตามรายงานจาก Santiment ปริมาณผู้ถือครองเชนลิงก์พุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ซึ่งถูกมองว่าเข้าสู่ ‘ช่วงโอกาส’ สำหรับนักลงทุนในระยะยาว
อย่างไรก็ตาม เหล่านักวิเคราะห์เทคนิคยังคงแสดงความระมัดระวัง โดยประเมินว่าหากบิตคอยน์(BTC) ไม่สามารถรักษาระดับไว้เหนือ 1 แสนดอลลาร์ได้ในระยะกลาง ก็อาจส่งผลให้เชนลิงก์อ่อนค่าลงต่ำกว่า 10 ดอลลาร์ และมีความเป็นไปได้ที่จะร่วงลงถึงระดับแนวรับที่ประมาณ 9.2 ดอลลาร์ (ราว 12,788 บาท) ในทางกลับกัน หากราคาสามารถทะลุแนวต้านที่ 17 ดอลลาร์ (ราว 23,630 บาท) ได้อย่างมั่นคง ก็อาจจุดประกายขาขึ้นรอบใหม่ในช่วงกลางปี
การจับมือกันระหว่างเชนลิงก์และมาสเตอร์การ์ดถือเป็นหนึ่งในก้าวสำคัญของการบรรจบกันระหว่างโลกการเงินดั้งเดิมกับโลกสินทรัพย์ดิจิทัล ท่ามกลางความคาดหวังว่ายอดการใช้คริปโตจะเพิ่มขึ้น เมื่อผู้ใช้บัตรทั่วโลกสามารถเข้าสู่ระบบออนเชนได้ง่ายขึ้น ซึ่งอาจนำไปสู่การไหลเข้าของเงินทุนใหม่และการยอมรับคริปโตในวงกว้างมากยิ่งขึ้นในอนาคต
ความคิดเห็น 0