สหรัฐฯ และสหราชอาณาจักรประกาศเสริมความร่วมมือด้านการกำกับดูแลคริปโต พร้อมเดินหน้าสร้างมาตรฐานสากลร่วมกัน หลังการประชุมคณะทำงานด้านกฎหมายการเงินครั้งที่ 11 ที่กรุงลอนดอน เมื่อวันที่ 24 ทั้งสองประเทศตกลงเร่งประสานงานนโยบายในหลายด้าน รวมถึงสินทรัพย์ดิจิทัล, สเตเบิลคอยน์, เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์(AI) และระบบชำระเงินระหว่างประเทศ
ในการประชุมครั้งนี้ ประเด็นหลักถูกโฟกัสไปที่ *สินทรัพย์ดิจิทัล* โดยสหราชอาณาจักรได้เปิดตัว “แซนด์บ็อกซ์หลักทรัพย์ดิจิทัล” ซึ่งเป็นพื้นที่ทดลองสำหรับนวัตกรรมเทคโนโลยีทางการเงิน ขณะที่สหรัฐฯ เดินหน้าด้านกฎหมายล่วงหน้าแล้วผ่านการบังคับใช้ “กฎหมาย GENIUS” สำหรับ *การกำกับดูแลสเตเบิลคอยน์* ส่วนอังกฤษยังไม่ได้เสนอกฎหมายออกมาอย่างเป็นทางการ ทั้งสองประเทศจึงตั้งเป้าวางเกณฑ์มาตรฐานร่วม พร้อมขยายความร่วมมือผ่านกลุ่ม G20 และองค์กรระหว่างประเทศอื่น ๆ
ในส่วนของ AI ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องกันว่าจำเป็นต้องสร้างกรอบกำกับดูแลที่ *ยืดหยุ่นและตอบสนองต่อเทคโนโลยี* โดยเฉพาะในภาคการเงิน เช่น การซื้อขายหลักทรัพย์, การปล่อยกู้ และการให้บริการลูกค้า ซึ่ง AI เข้ามามีบทบาทมากขึ้น ความท้าทายสำคัญ ได้แก่ ความไม่โปร่งใสของอัลกอริธึม, ความเสี่ยงด้านความปลอดภัยไซเบอร์ และปัญหาการปฏิบัติตามกฎหมาย
นอกจากนี้ สหราชอาณาจักรยังเปิดเผยแผนการลดระยะเวลาชำระบัญชีหลักทรัพย์ลงเหลือ *T+1* หรือชำระบัญชีภายในวันถัดไปภายในปี 2027 ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของสหรัฐฯ ที่ประกาศไว้ก่อนหน้านี้ ความเคลื่อนไหวดังกล่าวสะท้อนความพยายามของอังกฤษในการเสริมศักยภาพการแข่งขันของ *ตลาดการเงินลอนดอน*
ทั้งสองประเทศยืนยันว่าจะใช้เวทีนี้เป็นจุดเริ่มต้นในการพัฒนา *สภาพแวดล้อมด้านกฎระเบียบที่โปร่งใสและมีเสถียรภาพ* ทั่วภาคสินทรัพย์ดิจิทัลและระบบการเงินระหว่างประเทศ โดยตระหนักว่านวัตกรรมคริปโตมีลักษณะไร้พรมแดน จึงจำเป็นต้องมีความร่วมมือระหว่างประเทศอย่างใกล้ชิด ความร่วมมือครั้งนี้จะเป็น *หมุดหมายสำคัญ* ในการวางรากฐานทางกฎหมายสำหรับสเตเบิลคอยน์และสินทรัพย์ดิจิทัลในอนาคต ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมคริปโตให้เติบโตอย่างยั่งยืน
ความคิดเห็น 0