ข่าว 
ข้อมูลเหรียญ 
แนะนำสื่อ 
โซลานา(SOL) ยืนยันความแข็งแกร่งในฐานะแพลตฟอร์มบล็อกเชนชั้นนำหลังจากแสดงผลงานเติบโตอย่างต่อเนื่องในไตรมาสที่ 4 ของปี 2024 ตามรายงานล่าสุด "State of Solana Q4 2024" จากบริษัทวิจัยด้านบล็อกเชนระดับโลก เมซซาริ รีเสิร์ช(Messari Research) โดยพบว่าโซลานาประสบความสำเร็จทั้งในภาคการเงินแบบกระจายศูนย์ (DeFi), การสเตคแบบมีสภาพคล่อง, ภาค NFT และการอัปเกรดเชิงโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ
ข้อมูลจากรายงานเผยว่า ผลรวมรายได้จากแอปพลิเคชันบนเครือข่ายโซลานาในไตรมาส 4 สูงถึง 840 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นถึง 213% จากไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งอยู่ที่ 268 ล้านดอลลาร์ โดยในเดือนพฤศจิกายนเพียงเดือนเดียวก็สร้างรายได้ 367 ล้านดอลลาร์ ถือเป็นระดับสูงสุดตลอดกาล ปรากฏการณ์นี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับความนิยมของ ‘เหรียญมีม’ และโทเคนใหม่ที่เชื่อมโยงกับ AI
ที่น่าสนใจคือ รายได้รวมจากแอปพลิเคชันยังเกินกว่ามูลค่าทางเศรษฐกิจที่แท้จริง (Real Economic Value - REV) ถึงสามไตรมาสติดต่อกัน โดยในไตรมาสนี้ App RCR หรือ ‘อัตราส่วนรายได้ที่จับได้จากแอปพลิเคชัน’ สูงถึง 102.5% (รายได้ 840 ล้านดอลลาร์, REV 819 ล้านดอลลาร์)
ภาค DeFi เองก็แสดงผลลัพธ์เด่นไม่แพ้กัน โดยมูลค่าทรัพย์สินที่วางไว้ทั้งหมด (Total Value Locked - TVL) พุ่งขึ้น 64% เป็น 8.6 พันล้านดอลลาร์ จนแซงทรอนขึ้นสู่เครือข่ายอันดับ 2 ด้านนี้ Raydium และ Jupiter กลายเป็นผู้เล่นหลักในกลุ่ม DEX พร้อมกันนั้น Raydium ยึดตำแหน่ง DEX ที่มีอิทธิพลสูงสุดด้วยส่วนแบ่งตลาด 56% จากมูลค่าการซื้อขาย 1.9 พันล้านดอลลาร์ เมซซาริระบุว่า การเติบโตของปริมาณซื้อขายได้รับแรงหนุนจากกระแสเก็งกำไรของ AI และเหรียญมีม
ในด้านการสเตคแบบมีสภาพคล่อง (Liquid Staking) โปรโตคอล Binance-bnSOL ขยายตัวถึง 1,467% ทะลุ 6.5 ล้าน SOL คิดเป็นส่วนแบ่งตลาด 15% ขณะเดียวกัน jitoSOL ถือครอง 14.7 ล้าน SOL หรือ 34% ของตลาด ส่วน Sanctum ก็ผลักดันการขยายตัวของพูลอย่างจริงจัง โดยถือ LST กว่า 100 ประเภท โดยรวมอัตราการสเตคแบบมีสภาพคล่องในเครือข่ายเพิ่มขึ้น 33% อยู่ที่ระดับ 11.2%
ในด้าน NFT ปริมาณซื้อขายเฉลี่ยต่อวันเติบโต 7% แตะ 2.7 ล้านดอลลาร์ โดย Tensor ยังคงครองตลาดด้วยยอดซื้อขายรวมกว่า 103 ล้านดอลลาร์ ขณะเดียวกัน Magic Eden พยายามกลับมาช่วงชิงตลาดด้วยการเปิดตัวโทเคน ME ในเดือนธันวาคม แต่กลับเผชิญกับยอดซื้อขายที่ลดลง 28% เหลือเพียง 68 ล้านดอลลาร์
ฝ่ายโครงสร้างพื้นฐานโซลานาเองก็สร้างความมั่นใจให้ผู้ใช้งานตามมา การเปิดตัว Agave V2.0 ได้รับการใช้งานจากผู้ตรวจสอบเครือข่ายกว่า 90% ช่วยยกระดับความน่าเชื่อถือของระบบ พร้อมกันนั้น Firedancer ซึ่งเป็นไคลเอนต์ทางเลือกสำหรับโซลานาก็ผ่านการทดสอบจาก Testnet ไปแล้ว และกำลังเข้าสู่ขั้นตอนเตรียมเข้าสู่ Mainnet การใช้งานของเครือข่ายก็เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน รายงานระบุว่ามีการส่งธุรกรรมแบบไม่ต้องโหวตเฉลี่ยวันละ 81.5 ล้านรายการ เพิ่ม 32% จากไตรมาสก่อน พร้อมทั้งจำนวนผู้จ่ายค่าธรรมเนียมก็พุ่งสูงถึง 5.1 ล้านบัญชี เพิ่มขึ้น 171%
ในด้านเศรษฐกิจ มูลค่าตลาดรวมของ SOL เพิ่มขึ้น 27% แตะที่ 91 พันล้านดอลลาร์ ในขณะที่ REV โตขึ้นถึง 211% ทำให้แม้จะมีแรงกดดันจากการเทขาย SOL ของ FTX แต่ความเชื่อมั่นในตลาดกลับยิ่งเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะความคาดหวังต่อการอนุมัติ ETF สำหรับ SOL ซึ่งเมซซาริประเมินว่ามีโอกาสถึง 86% ที่จะได้รับการอนุมัติภายในปี 2025
ฝั่งการใช้งานของผู้บริโภคและองค์กรก็ไม่น้อยหน้า โซลานา โมบาย (Solana Mobile) เปิดตัวสมาร์ตโฟนรุ่นใหม่ชื่อ ‘Seeker’ ขณะเดียวกัน Solayer, Sphere และความร่วมมือกับ Stripe ในการนำระบบชำระเงินด้วยคริปโตกลับมา ต่างผลักดันการใช้งานระดับผู้ใช้จริงอย่างชัดเจน ในฝั่งโครงสร้างพื้นฐานทางกายภาพแบบกระจายศูนย์ (DePIN) โปรเจกต์อย่าง Helium และ Hivemapper ต่างก็เลือกโซลานาเป็นแกนหลักในการพัฒนาเครือข่ายของตน
โดยรวม เมซซาริ รีเสิร์ชมองว่า ไตรมาสที่ 4 ของปี 2024 เป็นจุดเริ่มต้นของ "การเปลี่ยนผ่านเชิงโครงสร้างในทุกมิติ" ของโซลานา—ไม่ว่าจะด้านเทคโนโลยี ระบบนิเวศ เศรษฐศาสตร์ หรือการกำกับดูแล พร้อมระบุด้วยว่า ข้อมูลทั้งหมดนี้สามารถนำไปใช้อ้างอิงในการกำหนดกลยุทธ์ทางโครงการหรือการตัดสินใจลงทุนของสถาบันในอนาคตได้อย่างมีนัยสำคัญ ‘โซลานา’ จึงยังคงน่าจับตาอย่างยิ่งในปี 2025 และต่อ ๆ ไป
ความคิดเห็น 0