ราคาหุ้นของคอยน์เบส(COIN) พุ่งขึ้น 18.82% ภายในเวลาเพียงสองวันนับตั้งแต่ปรากฏสัญญาณ ‘โกลเดนครอส’ ซึ่งเรียกความสนใจอย่างมากจากนักลงทุน โดยราคาสามารถทะลุระดับ 370 ดอลลาร์ (ประมาณ 514,300 บาท) ได้ในเวลาไล่เลี่ยกับที่ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 50 วันตัดขึ้นเหนือค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 200 วัน ส่งผลให้เกิดแรงซื้ออย่างรุนแรงจนกราฟราคาแสดงรูปแบบพุ่งขึ้นในลักษณะแทบตั้งฉาก ท่ามกลางตลาดคริปโตที่กำลังอยู่ในภาวะขาขึ้น การทะยานของราคาครั้งนี้จึงได้รับการมองว่าเป็นจังหวะเข้าซื้อที่ ‘สมบูรณ์แบบ’
อย่างไรก็ดี ก็มีสัญญาณความร้อนแรงเกินไปในระยะสั้นปรากฏออกมาด้วยเช่นกัน ดัชนีความแข็งแกร่งสัมพัทธ์ (RSI) พุ่งทะลุระดับ 80 ซึ่งเข้าสู่เขต ‘ซื้อมากเกินไป’ หรือ Overbought ซึ่งมักสะท้อนถึงภาวะที่ตลาดถูกครอบงำด้วย ‘ความโลภ’ ทั้งนี้ เคยเกิดสถานการณ์ในลักษณะใกล้เคียงกันเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีก่อน โดยหลังจาก RSI เข้าเขต Overbought ราคาหุ้นคอยน์เบสก็ร่วงลงอย่างรุนแรงถึง 18.21% ภายใน 3 วัน ซึ่งเป็นการปรับฐานอย่างรวดเร็ว ไม่ใช่แค่การย่อตัวทั่วไป
หากมองจากมุมของการวิเคราะห์ทางเทคนิค ราคาหุ้นปัจจุบันแฝงความเสี่ยงไว้ไม่น้อย โดยค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 200 วันและ 50 วันของหุ้นอยู่ที่ประมาณ 236 ดอลลาร์ (ประมาณ 328,000 บาท) และ 241 ดอลลาร์ (ประมาณ 335,000 บาท) ตามลำดับ ซึ่งต่ำกว่าราคาปัจจุบันมาก หมายความว่า หากเกิดการปรับฐานราคาจริง จะไม่มี ‘แนวรับ’ ที่ชัดเจนรองรับในจุดใกล้เคียง เป็นสัญญาณเตือนว่าหุ้นอาจเจอแรงขายแรงหากโมเมนตัมหยุดชะงัก
ในภาพรวม ตลาดยังคงเอื้อเฟื้อกับสินทรัพย์เสี่ยง โดยเฉพาะเมื่อ *บิตคอยน์(BTC)* ยังคงเคลื่อนไหวอย่างมั่นคงบริเวณระดับ 107,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 14.87 ล้านบาท) ประกอบกับความเชื่อมั่นที่ค่อย ๆ ฟื้นกลับมาในฝั่ง *อัลต์คอยน์* ทำให้คอยน์เบสได้รับอานิสงส์ต่อเนื่องจากกระแสเก็งกำไร อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์หลายฝ่ายยังคงเตือนถึงความเป็นไปได้ของการ *พักฐานทางเทคนิค* ที่อาจหลีกเลี่ยงไม่ได้ในระยะสั้น การประเมินทิศทางในช่วงไม่กี่วันข้างหน้านี้จึงถือเป็นจุดชี้วัดสำคัญ
ท้ายที่สุดแล้ว การพุ่งขึ้นของราคาคอยน์เบสในครั้งนี้ถูกมองว่าเป็น *ปฏิกิริยาตอบสนองต่อโกลเดนครอสแบบคลาสสิก* ที่สะท้อนอารมณ์ตลาดที่ร้อนแรง แต่ในอีกด้านหนึ่งก็เปิดความเสี่ยงต่อการ ‘ย่อตัวแรง’ เมื่อพิจารณาจากประวัติในอดีตที่เกิดกรณีคล้ายกัน ซึ่งบ่งชี้ว่าราคาที่หลุดห่างจากแนวรับทางเทคนิคมากเกินไป มักจะอ่อนไหวต่อการกลับตัวมากกว่าจะเป็นการยืนเหนืออย่างแข็งแกร่ง การเคลื่อนไหวของราคาต่อจากนี้จึงอาจเป็น *การแข่งขันระหว่างโมเมนตัมกับแรงต้านทางเทคนิค* ที่เข้มข้นขึ้นเรื่อย ๆ
ความคิดเห็น 0