บิตคอยน์(BTC) และอีเธอเรียม(ETH) อาจจะยังครองตลาดคริปโตอยู่ แต่เหล่า *เหรียญมีม* อย่างชิบะ-อิโนะ(SHIB), โซลานา(SOL) และโดจคอยน์(DOGE) ก็กำลังเข้าสู่ช่วง *ชี้ชะตาทางเทคนิค* ที่อาจเป็นตัวกำหนดทิศทางในอนาคตอันใกล้ โดยเฉพาะเมื่อความผันผวนของตลาดยังคงสูงและนักลงทุนต้องพึ่งพาสัญญาณกราฟเป็นหลัก
*ชิบะ-อิโนะ(SHIB)* กำลังทดสอบแนวรับที่บริเวณ 0.000011 ดอลลาร์ หรือราว 1.5 สตางค์ หลังจากพยายามฟื้นตัวแต่ไม่สามารถสร้างแรงซื้อใหม่ได้ หลายตัวชี้วัดแสดงให้เห็นว่า SHIB ยังคง *วิ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่* ทั้งระยะสั้นและกลาง พร้อมทั้งล้มเหลวในการยืนเหนือแนวต้านที่ 0.00001214 ดอลลาร์ (ประมาณ 1.7 สตางค์) และ 0.00001339 ดอลลาร์ (เกือบ 2 สตางค์) ความกังวลเริ่มเพิ่มขึ้นว่าหากแนวรับปัจจุบันพังลง ‘ศูนย์’ ตัวใหม่อาจถูกเติมเข้าราคาของเหรียญ ซึ่งไม่เพียงส่งผลลบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนรายย่อย แต่ยังอาจลดความนิยมโดยรวมในตลาดมีมคอยน์
ในขณะที่ *โซลานา(SOL)* กลับส่งสัญญาณเชิงบวกมากกว่า โดยปัจจุบันเคลื่อนไหวอยู่บริเวณ 144 ดอลลาร์ (ประมาณ 20,000 บาท) และมีโอกาสทำ ‘โกลเด้นครอส’ ซึ่งหมายถึงเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 50 วันอาจ *ตัดขึ้นเหนือเส้น 200 วัน* ซึ่งโดยทั่วไปมักเป็นสัญญาณของการกลับทิศทางเป็นขาขึ้น อย่างไรก็ตาม การขาดปริมาณซื้อขายที่ชัดเจนอาจทำให้สัญญาณนี้ไม่สามารถพัฒนาได้เต็มที่ โดยแนวต้านต่อไปที่ SOL ต้องผ่านไปให้ได้คือ 150 ดอลลาร์ (ประมาณ 20,850 บาท) หากสำเร็จ เป้าหมายถัดไปจะอยู่ที่ 160 ดอลลาร์ (ราว 22,240 บาท) แต่การเปลี่ยนแปลงทิศทางอย่างยั่งยืนจะต้องได้รับแรงหนุนจากฝั่งซื้อ
สำหรับ *โดจคอยน์(DOGE)* ภาพรวมกลับดู *กดดันมากที่สุด* ในบรรดาสามเหรียญ โดยขณะนี้ DOGE กำลังพยายามยืนเหนือแนวรับสำคัญที่ 0.15 ดอลลาร์ (ประมาณ 208 บาท) ขณะที่ตัวบ่งชี้ RSI กำลังชะงักใกล้ระดับ 36 ซึ่งเป็นจุดต่ำ แสดงถึงแรงซื้อที่อ่อนแอ นอกจากนี้ ราคายังอยู่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยทุกช่วง ซึ่งสะท้อนถึงแรงขายที่กดดันตลาด หากไม่สามารถรักษาแนวรับดังกล่าวไว้ได้ การร่วงต่อไปยังระดับ 0.13 ถึง 0.125 ดอลลาร์ (ประมาณ 181-174 บาท) อาจเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ในทางกลับกัน การฟื้นตัวที่แท้จริงจะต้องกลับมายืนเหนือ 0.17 ดอลลาร์ (ราว 237 บาท) ให้ได้เสียก่อน
โดยรวม ตลาดเหรียญมีมยังคง *ขึ้นอยู่กับอารมณ์นักลงทุนและปริมาณการซื้อขาย* ซึ่งสร้างความไม่แน่นอนในระยะสั้น แต่นักลงทุนควรจับตาสัญญาณทางเทคนิคอย่างใกล้ชิด เพราะบ่อยครั้งที่การเปลี่ยนทิศทางเกิดจากเพียงแรงขับเล็กๆ จากการทะลุแนวรับหรือแนวต้าน พร้อมทั้งต้องระมัดระวังความเสี่ยงที่อาจมาจากความผันผวนที่คาดเดายากในตลาดคริปโตช่วงนี้
ความคิดเห็น 0