ในช่วงครึ่งแรกของปี 2025 วงการคริปโตต้องเผชิญกับความสูญเสียครั้งใหญ่จากการถูกแฮก มูลค่าความเสียหายรวมสูงถึง 2.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 2.91 ล้านล้านวอน ตามรายงานของ TRM Labs บริษัทด้านความปลอดภัยบนบล็อกเชน เมื่อวันที่ 4 (เวลาท้องถิ่น) โดยระบุว่า ‘การโจมตีโครงสร้างพื้นฐาน’ เช่น การรั่วไหลของคีย์ส่วนตัวและช่องโหว่ที่ส่วนหน้าของระบบ เป็นสัดส่วนความเสียหายหลักอย่างท่วมท้น
TRM Labs เปิดเผยว่า ในจำนวนกรณีแฮกจำนวน 75 ครั้งที่ตรวจพบตั้งแต่ต้นปี มีมากกว่า 80% ที่เกิดจากจุดอ่อนด้านความปลอดภัยในระดับโครงสร้างพื้นฐาน การโจมตีลักษณะนี้มักขโมยคริปโตได้มากกว่าการแฮกทั่วไปอย่างน้อย 10 เท่า โดยแนวทางที่ใช้มีทั้งการขโมยวลีเมล็ด(seed phrase)จากกระเป๋าเงิน และการเจาะช่องโหว่ของส่วนต่อประสานผู้ใช้(UI) เพื่อควบคุมระบบหรือเปลี่ยนเส้นทางข้อมูลจราจร
TRM Labs วิเคราะห์เพิ่มเติมว่า *การโจมตีด้วยวิธีนี้เป็นการเจาะจุดอ่อนพื้นฐานของระบบเข้ารหัสดิจิทัล* และมักผสานเทคนิค ‘วิศวกรรมสังคม’ เพื่อทำให้ผลกระทบรุนแรงยิ่งขึ้น *ความคิดเห็น: จุดนี้สะท้อนว่าความรู้ทางเทคนิคเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอในการป้องกัน ต้องยกเครื่องกระบวนการให้ครอบคลุมพฤติกรรมผู้ใช้ด้วย*
นอกจากการโจมตีโครงสร้างพื้นฐานแล้ว การแฮกในระดับ *โปรโตคอล* ก็ยังเป็นอีกหนึ่งแนวโน้มที่น่าจับตาในปีนี้ ตัวอย่างที่พบบ่อยคือ ‘แฟลชโลน(flash loan)’ และ ‘รี-เอนทรี(re-entrancy)’ ที่ใช้ช่องโหว่เชิงโครงสร้างของสมาร์ทคอนแทรกต์ โดยการโจมตีลักษณะนี้คิดเป็นประมาณ 12% ของความสูญเสียทั้งหมด TRM Labs อธิบายว่า การโจมตีดังกล่าวทำงานโดยเข้าไปก่อกวนตรรกะของโปรโตคอล หรือเจาะระบบเพื่อดูดถอนเงินโดยตรง
ตัวเลขความเสียหายจากการแฮกคริปโตในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2025 สูงกว่าครึ่งปีแรกของปี 2022 ซึ่งถือเป็นช่วงที่รุนแรงมาก มาได้ราว 10% และเกือบแตะระดับเดียวกับทั้งปีของปี 2024 TRM Labs สรุปว่า "ภัยคุกคามที่พุ่งเป้าไปยังสินทรัพย์ดิจิทัลนั้นเริ่มกระจุกตัวในกลุ่มที่มีความเชี่ยวชาญสูง และมีรูปแบบซับซ้อนมากขึ้นเรื่อยๆ" *ความคิดเห็น: จุดนี้เป็นสัญญาณเตือนแรงสำหรับทั้งนักลงทุนและผู้พัฒนาโปรเจกต์ในระบบนิเวศคริปโต ว่าไม่ควรผ่อนคลายกับความปลอดภัย ไม่ว่าจะอยู่ในจุดใดของสายพานเทคโนโลยี*
ความคิดเห็น 0