ยูโรโพลซึ่งเป็นหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายของสหภาพยุโรป เปิดเผยว่า ได้จับกุมสมาชิกขององค์กรอาชญากรรมข้ามชาติที่ก่อ *คดีหลอกลงทุนคริปโต* ซึ่งทำให้มีผู้เสียหายกว่า 5,000 ราย และยึดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องในมูลค่ารวมประมาณ 460 ล้านยูโร หรือราว 7,534 พันล้านวอน โดยกรณีนี้นับเป็นหนึ่งใน *คดีฉ้อโกงเกี่ยวกับคริปโตครั้งใหญ่ที่สุด* ที่เคยเกิดขึ้นในสเปน
เมื่อวันที่ 8 (เวลาท้องถิ่น) ยูโรโพลรายงานว่า ปฏิบัติการจับกุมครั้งนี้นำโดยตำรวจแห่งชาติของสเปน หรือ กวาร์เดีย ซิวิล(Guardia Civil) โดยมีความร่วมมือจากหน่วยงานยุติธรรมของสหรัฐ ฝรั่งเศส และเอสโตเนีย ผู้ต้องหา 5 รายถูกควบคุมตัวจากทั้งในหมู่เกาะคานารีและกรุงมาดริด โดยทั้งหมดถูกกล่าวหาว่า มีบทบาทในการระดมทุนจากทั่วโลกผ่านช่องทางต่าง ๆ เช่น คริปโตเคอร์เรนซี การถอนเงินสด และการโอนผ่านธนาคาร ก่อนที่จะทำการฟอกเงินอย่างเป็นระบบ
ยูโรโพลระบุเพิ่มเติมในเอกสารที่เผยแพร่ว่า "องค์กรดังกล่าวดำเนินการผ่านเครือข่ายผู้ร่วมขบวนการที่มีความเชื่อมโยงในระดับนานาชาติ ล่อลวงนักลงทุนด้วยกำไรที่ไม่เป็นจริง และใช้กลอุบายสารพัดรูปแบบเพื่อยักยอกเงินทุน" โดยลักษณะของการฉ้อโกงครั้งนี้ถือเป็น *รูปแบบคลาสสิกของการหลอกลงทุนในคริปโตที่เน้นผลตอบแทนสูงในระยะสั้น* ซึ่งเหยื่อจำนวนมากหลงเชื่อโฆษณาทางออนไลน์และแพลตฟอร์มซื้อขายปลอม
ก่อนหน้านี้ ในเดือนมกราคม หน่วยงานทางการของสเปนเคยสั่งอายัดทรัพย์ดิจิทัลมูลค่ากว่า 26.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 367 พันล้านวอน จากการสืบสวนกลุ่มฟอกเงินที่เคลื่อนไหวในยุโรป ทำให้การจับกุมครั้งล่าสุดได้รับความสนใจอย่างมากในฐานะส่วนหนึ่งของความพยายามของยุโรปในการ *ปราบปรามอาชญากรรมทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับคริปโตเคอร์เรนซี*
ทางเจ้าหน้าที่กำลังติดตามเส้นทางการเคลื่อนย้ายเงินที่ถูกยึด ตรวจสอบผู้เสียหายเพิ่มเติม และเร่งดำเนินการชดเชยทรัพย์สินซึ่งอาจถูกนำออกนอกระบบแล้ว ความเคลื่อนไหวครั้งนี้สะท้อนถึงความเข้มข้นในระดับสหภาพยุโรปต่อการป้องกันและตอบโต้ความเสี่ยงในโลกสินทรัพย์ดิจิทัล ความเห็นหนึ่งชี้ว่า แนวทางบังคับใช้กฎหมายที่เข้มแข็งขึ้นนี้อาจส่งผลให้เกิดความเชื่อมั่นมากขึ้นในตลาดคริปโตทั่วภูมิภาค.
ความคิดเห็น 0