สตานี คูเลชอฟ ผู้ก่อตั้งอาเวแล็บส์(Aave Labs) ชี้ว่าความผิดหวังจากสถาบันการเงินแบบดั้งเดิมกำลังเปิดทางให้ฟินเทคและคริปโตเคอร์เรนซีมีโอกาสก้าวขึ้นมาเป็นทางเลือกใหม่ ทุกสายตาจับตาแนวทางเปลี่ยนผ่านของตลาดการเงินในงานประชุม Ethereum Community Conference (EthCC) ปี 2025 ที่เพิ่งผ่านไป ซึ่งเขาระบุว่า “ผู้บริโภคจำนวนมากเริ่มละทิ้งธนาคารแบบดั้งเดิมเนื่องจากความไม่พอใจในบริการ” โดยเห็นได้ชัดจากการเติบโตของแอปพลิเคชันฟินเทคซึ่งสามารถยึดครองส่วนแบ่งการตลาดได้อย่างรวดเร็ว
คูเลชอฟยังกล่าวถึงการพัฒนาของโปรโตคอลอาเว(Aave) ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มบริการกู้ยืมและสภาพคล่องแบบไร้ศูนย์กลางที่อาเวแล็บส์เป็นผู้ริเริ่ม พร้อมเน้นว่าหลากหลายโครงการในโลกการเงินแบบกระจายศูนย์(DeFi) กำลังมุ่งสร้างเครื่องมือทางการเงินผ่าน ‘ช่องทางแบบไร้ศูนย์กลาง’ เพื่อเสริมทางเลือกให้ผู้บริโภค เขาเสริมว่า “ปัจจุบันกว่า 60% ของประชากรโลกถือกระเป๋าเงินดิจิทัล แม้ยังไม่เป็นแบบออนเชนทั้งหมด แต่ก็แสดงให้เห็นถึงการเข้าถึงบริการทางการเงินผ่านเครื่องมือดิจิทัลที่กว้างขวางแล้ว” พร้อมแนะว่าความท้าทายถัดไปคือ *การดึงผู้ใช้เข้าสู่ระบบออนเชนอย่างเต็มรูปแบบ*
หนึ่งในประเด็นที่เขาให้ความสำคัญคือ ‘โทเคนไรซ์ของสินทรัพย์จริง’ ซึ่งอาจเป็นประตูเชื่อมระหว่างการเงินแบบดั้งเดิม(TradFi) และอุตสาหกรรมคริปโต คูเลชอฟระบุว่า “การโทเคนไรซ์สินทรัพย์มีศักยภาพมูลค่าหลายล้านล้านดอลลาร์ และเป็นช่องทางที่คริปโตจะเข้าถึงภาคการเงินดั้งเดิมได้” เขายกตัวอย่างว่า *อสังหาริมทรัพย์, พันธบัตรรัฐบาล, หุ้น และตราสารหนี้ภาคเอกชน* นั้นสามารถนำมาใส่ในบัญชีบัญชีแบบกระจายศูนย์เพื่อให้บริหารได้อย่างโปร่งใส ยืดหยุ่น และมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
อุตสาหกรรมคริปโตในวันนี้กำลังอยู่บนจุดเปลี่ยนของการเชื่อมต่อระหว่างความนิยมในบริการการเงินดิจิทัลกับศักยภาพด้านเทคโนโลยีของบล็อกเชน โดยเฉพาะกรณีของ ‘โทเคนไรซ์’ ซึ่งอาจกลายเป็นสะพานสำคัญในการปรับโครงสร้างระบบการเงินใหม่ในอนาคต ความเคลื่อนไหวเชิงเทคโนโลยีเช่นนี้กำลังสร้างกรอบความร่วมมือใหม่ระหว่างโลกเก่าและโลกใหม่ของการเงิน
ความคิดเห็น 0