บิตคอยน์(BTC) เสี่ยงปรับฐาน หลังแรงซื้อหาย-นักลงทุนเทขายทำกำไรเกิน 2.4 พันล้านดอลลาร์

ราคาบิตคอยน์(BTC) กำลังเผชิญกับความเป็นไปได้ที่จะเข้าสู่ช่วง ‘ปรับฐาน’ หลังจากเคลื่อนไหวอยู่บริเวณระดับ 107,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 1.48 ล้านบาท) มาตั้งแต่สัปดาห์ก่อน ขณะที่ตัวชี้วัดสำคัญบนเครือข่ายบ่งชี้ถึงแนวโน้ม ‘อ่อนแรง’ ทำให้นักวิเคราะห์เริ่มกังวลว่า ตลาดขาด ‘ปัจจัยใหม่’ ที่จะสามารถผลักดันราคาขึ้นต่อในระยะสั้น

‘สัญญาณเตือน’ แรกที่หลายฝ่ายจับตาคือการเทขายเพื่อทำกำไร จากข้อมูลของ Glassnode บริษัทวิเคราะห์ข้อมูลออนเชนพบว่า ปริมาณกำไรที่ถูกขายออกบนเครือข่ายบิตคอยน์ในแต่ละวันล่าสุด อยู่ที่ราว 2.46 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 3.4 ล้านล้านวอน) โดย ‘ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 7 วัน’ อยู่ที่ 1.52 พันล้านดอลลาร์ฯ สูงกว่าระดับเฉลี่ยต้นปีอย่างชัดเจน แม้ยังไม่ถึงจุดสูงสุดในปี 2024 แต่ก็แสดงให้เห็นว่า นักลงทุนเริ่มทยอยเปลี่ยนกำไรส่งกลับเป็น ‘เงินสด’

ปัจจัยที่สองคือความ ‘ซบเซาของแรงซื้อ’ โดยนักวิเคราะห์สินทรัพย์ดิจิทัลชื่อ อาลี มาร์ติเนซ(Ali Martinez) เปิดเผยว่า ‘ดีมานด์โดยรวม’ ของบิตคอยน์ล่าสุดลดลงถึงระดับ -37,000 BTC สะท้อนว่าความต้องการซื้อจากนักลงทุนทั่วไป ‘หายไป’ และอาจตามมาด้วยการปรับฐานของราคาในที่สุด

ด้านเครือข่ายของบิตคอยน์เองก็ส่งสัญญาณลบเพิ่มขึ้น เมื่อจำนวน ‘ธุรกรรม’ ลดลงต่อเนื่องในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาและผู้ใช้งานกิจกรรมบนเครือข่ายลดลงชัดเจน นักวิเคราะห์มักเชื่อว่าการลดลงของกิจกรรมเหล่านี้มักนำไปสู่การ ‘พักตัวของราคา’

แม้จะมีสัญญาณลบหลายด้าน แต่ราคาบิตคอยน์ก็ยังแสดงความ ‘แข็งแกร่ง’ โดยเฉพาะช่วงเหตุการณ์ความขัดแย้งระหว่างอิหร่านและอิสราเอล ที่ราคาหล่นลงแตะ 75,000 ดอลลาร์ฯ (ประมาณ 1.04 ล้านบาท) ก่อนดีดกลับขึ้นมายืนเหนือระดับ 100,000 ดอลลาร์ฯ ได้อีกครั้ง *ความคิดเห็น* นักวิเคราะห์เชื่อว่าการดีดตัวที่แรงนั้นมาจากการเข้าซื้อในปริมาณมากของกลุ่มนักลงทุนรายใหญ่

ล่าสุด บิตคอยน์เคลื่อนไหวในกรอบ 108,000–109,000 ดอลลาร์ฯ (ราว 1.5–1.51 ล้านบาท) โดยราคาเผชิญ ‘แนวต้าน’ หลักซ้ำซ้อน หากเกิดการปรับฐาน จะเป็นผลจากการรวมกันของแรงขายทำกำไร แรงซื้อที่ลดลง และกิจกรรมเครือข่ายที่ซบเซา ขณะนี้นักลงทุนส่วนใหญ่ต่างใช้ท่าที ‘เฝ้าระวัง’ และมองสถานการณ์ว่าเป็น ‘ความเงียบก่อนพายุ’ ที่ต้องตามอย่างใกล้ชิด