อีเธอเรียม(ETH) ยังคงเผชิญแรงกดดันจากฝั่งขาย หลังจากไม่สามารถทะลุแนวต้านที่ 2,750 ดอลลาร์ได้สำเร็จ ขณะเดียวกัน บิตคอยน์(BTC) ก็ปรับตัวลงต่ำกว่า 96,000 ดอลลาร์ ทำให้บรรยากาศตลาดโดยรวมอยู่ในภาวะซบเซา ETH เองก็ปรับตัวลงมาที่ระดับ 2,663 ดอลลาร์ ซึ่งสะท้อนถึงความล้มเหลวในการฟื้นตัว นักวิเคราะห์เตือนว่า การอ่อนแอทางเทคนิคและแรงขายที่เพิ่มขึ้น อาจทำให้ราคาเผชิญแรงกดดันต่อไป
ปัจจุบัน ETH ยังคงพยายามรักษาแนวรับที่ 2,600 ดอลลาร์ แต่หากแรงขายคงอยู่ มีแนวโน้มที่ราคาจะดิ่งลงไปทดสอบระดับ 2,400 ดอลลาร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อเกิด 'เดดครอส (death cross)' ระหว่างเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (EMA) 50 วัน และ 200 วัน ซึ่งบ่งชี้ถึงแนวโน้มขาลงที่อาจยืดเยื้อ นอกจากนี้ ปริมาณการซื้อขายที่ลดลง รวมถึงค่าธรรมเนียมก๊าซที่สูง ยังเป็นปัจจัยกดดันต่อการใช้งานเครือข่าย ทำให้โอกาสในการปรับตัวลดลงเพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตาม การไหลเข้าของนักลงทุนสถาบันยังคงเป็นปัจจัยบวก โดยข้อมูลจากกองทุน ETF ในสหรัฐฯ ระบุว่าช่วงเดือนกุมภาพันธ์ มียอดไหลเข้า ETH สูงถึง 145,000 ETH ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากเดือนมกราคม ข้อมูลจากบริษัทวิเคราะห์ตลาด Santiment ชี้ว่า ปริมาณ ETH ที่อยู่บนกระดานเทรดลดลงแตะระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ สะท้อนให้เห็นถึงการสะสมของนักลงทุนระยะยาว หากแนวโน้มนี้ยังคงอยู่ ETH อาจสามารถทรงตัวเหนือ 2,600 ดอลลาร์ และมีโอกาสดีดตัวกลับไปที่ 3,000 ดอลลาร์ได้ในอนาคต
อย่างไรก็ตาม ในระยะสั้น แรงขายยังครองตลาด และความผันผวนของ ETH น่าจะยังดำเนินต่อไปจนกว่าตลาดจะแสดงสัญญาณฟื้นตัวที่ชัดเจน นักวิเคราะห์แนะนำให้เฝ้าติดตามระดับแนวรับและแนวต้านสำคัญอย่างใกล้ชิด ในขณะที่ตลาดยังคงเคลื่อนไหวผันผวน
ความคิดเห็น 0