ราคาบิตคอยน์(BTC) พุ่งขึ้นแตะระดับประมาณ 120,000 ดอลลาร์ (ราว 166.8 ล้านบาท) ในช่วงที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม *จูเรียน ทีมเมอร์(Jurrien Timmer)* ผู้อำนวยการฝ่ายแมโครระดับโลกของบริษัทฟิเดลิตี(Fidelity) มองว่าการเติบโตของบิตคอยน์ยังอยู่เพียงแค่ *“ช่วงกลางของวัฏจักรการยอมรับ”* เท่านั้น โดยเขาเปรียบเทียบพัฒนาการของบิตคอยน์กับการแพร่ขยายของอินเทอร์เน็ตในอดีต พร้อมระบุว่า บิตคอยน์ยังคงอยู่ในระยะแรกเริ่มของการเติบโตในเชิงโครงสร้าง
ทีมเมอร์ระบุว่า โมเดลการวิเคราะห์ที่อิงกับ ‘พาวเวอร์ลอว์(Power Law)’ ตามจำนวนกระเป๋าเงินบิตคอยน์ และโมเดลตามเส้นกราฟการใช้อินเทอร์เน็ต ยังคงชี้ไปในทิศทางเดียวกัน เขากล่าวว่า “เรากำลังอยู่ตรงจุดกึ่งกลางของเส้นแนวโน้มเหล่านั้นพอดี” ซึ่งสอดคล้องกับมุมมองที่ว่า บิตคอยน์ยังมี *ศักยภาพในการเติบโตอีกมาก* ในระยะยาว และอาจเป็นสัญญาณบวกต่อกลุ่มนักลงทุนสายระยะยาว
พฤติกรรมของนักลงทุนในตลาดก็สนับสนุนแนวโน้มนี้เช่นกัน ข้อมูลล่าสุดเผยว่าในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา มีนักลงทุนหน้าใหม่ที่เข้าซื้อบิตคอยน์มากกว่า *140,000 BTC* แสดงให้เห็นถึงแรงซื้อที่กลับมาอีกครั้ง พร้อมทั้งปรากฏ *ภาวะ FOMO* (กลัวตกรถผ้าใบ) ที่เริ่มปะทุขึ้นอีกครั้งในหมู่นักลงทุน
ด้านเงินทุนจากสถาบันก็ทยอยเข้าสู่ตลาดเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว อ้างอิงจาก CoinDesk เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา มีเงินทุนกว่า *370 ล้านดอลลาร์ (ราว 5,143 ล้านบาท)* ไหลเข้าสู่กองทุนสินทรัพย์ดิจิทัล ขณะที่ข้อมูลยังชี้ว่า มีบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์มากถึง *125 แห่ง* ที่ถือครองบิตคอยน์อยู่ ซึ่งสะท้อนถึงความต้องการจากสถาบันที่ยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง
ทีมเมอร์สรุปว่า ปัจจุบันอาจเป็น *ช่วงเวลาสำคัญของโอกาสในการลงทุน* ที่คล้ายกับนวัตกรรมทางเทคโนโลยีอื่นในอดีต ทั้งยังย้ำว่าบิตคอยน์ *ยังมีพลังในการขยายตัวอีกมาก* ก่อนที่มันจะกลายเป็นหนึ่งในเสาหลักของระบบการเงินโลกในอนาคต
ความคิดเห็น 0