กระแสรายงานผลประกอบการล่าสุดของคราเคน(Kraken)ในไตรมาสที่ 2 ปี 2025 สร้างความสนใจในวงการคริปโต แม้ว่าทิศทางโดยรวมเมื่อเทียบกับปีที่แล้วจะเติบโตขึ้น แต่ในเชิงรายไตรมาสกลับพบ ‘รายได้ลดลง’ โดยเฉพาะ ‘กำไรจากการดำเนินงาน (EBITDA)’ ที่แสดงให้เห็นถึงแนวโน้มถดถอยซึ่งสะท้อนถึงแรงกดดันจากปัจจัยภายนอก
คราเคนเปิดเผยว่า รายได้รวมในไตรมาสที่ 2 ปีนี้อยู่ที่ 412 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 5,727 พันล้านบาท) เพิ่มขึ้น 18% จากช่วงเดียวกันปีก่อน อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับไตรมาสแรก กลับลดลง 13% ในขณะที่ ‘EBITDA ที่ปรับปรุงแล้ว’ ลดลงจาก 85.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ มาอยู่ที่ 79.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1,108 ล้านบาท) หรือลดลง 7% ซึ่งทางบริษัทให้เหตุผลว่าเป็นผลจาก ‘ฤดูกาลที่มีปริมาณซื้อขายต่ำตามปกติ’ รวมถึงผลกระทบจาก ‘นโยบายภาษีของสหรัฐฯ’ และภาวะเศรษฐกิจโลกที่ไม่แน่นอน
แม้ว่ากำไรจะลดลง แต่ข้อมูลพื้นฐานด้านลูกค้าและการใช้งานกลับเติบโตอย่างน่าสนใจ โดยยอดซื้อขายสะสมของแพลตฟอร์มเพิ่มขึ้น 19% จากปีก่อนหน้า มาอยู่ที่ 186.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 260 ล้านล้านบาท) ส่วนปริมาณผู้ใช้งานยังขยายตัวได้ 37% เป็น 4.4 ล้านบัญชี ขณะที่มูลค่าทรัพย์สินที่อยู่ในระบบเพิ่มขึ้น 47% อยู่ที่ 4.32 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 60.38 พันล้านบาท) โดยมีปัจจัยสำคัญจาก ‘ตลาดซื้อขายด้วยสเตเบิลคอยน์’ ที่มีส่วนแบ่งเพิ่มจาก 43% สู่ 68% หนุนความสามารถในการแข่งขันของคราเคน
ด้านผลิตภัณฑ์ คราเคนเดินหน้าขยายพอร์ตอย่างต่อเนื่อง ในยุโรป บริษัทเปิดให้บริการซื้อขายฟิวเจอร์สคริปโตในคู่เงินหลัก 5 สกุล ได้แก่ ยูโร(EUR), ปอนด์สเตอร์ลิง(GBP), ดอลลาร์ออสเตรเลีย(AUD), เยนญี่ปุ่น(JPY), และฟรังก์สวิส(CHF) ครอบคลุมแบบ 24 ชั่วโมง ขณะที่ในสหรัฐฯ ได้เริ่มสนับสนุนการซื้อขายฟิวเจอร์สคริปโตที่จดทะเบียนใน CME และให้บริการแบบครบวงจรแก่ลูกค้าสถาบันภายใต้แพลตฟอร์ม ‘คราเคน ไพรม์’ รวมถึง ‘การรับฝากสินทรัพย์’ อย่าง โซลานา(SOL), ริปเปิล(XRP) และ USDG เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กลุ่มลูกค้าระดับองค์กร
อีกประเด็นหนึ่งที่ช่วยคลายความวิตกของนักลงทุนคือ คดีความของ เจสซี พาวเวลล์(Jesse Powell) ผู้ร่วมก่อตั้งคราเคน ซึ่งล่าสุดกระทรวงยุติธรรมสหรัฐได้ ‘ยุติการสืบสวนข้อกล่าวหาแฮ็กข้อมูล’ ในกรณีที่เกี่ยวข้องกับองค์กรไม่แสวงกำไร ‘Verge Center for the Arts’ ที่พาวเวลล์เป็นผู้ก่อตั้ง โดยไม่มีการฟ้องร้องเพิ่มเติม ทั้งนี้ พาวเวลล์เปิดเผยว่าได้รับผลกระทบอย่างหนักหลังจากถูก FBI บุกค้นบ้านในปี 2023 และยังคงเตรียมยื่นฟ้องทางแพ่งต่อกรรมการขององค์กรดังกล่าว
การเปิดเผยผลประกอบการครั้งนี้รวมถึงการจบปมกฎหมายสำคัญ ถือเป็น ‘ก้าวสำคัญ’ สำหรับคราเคนในขณะที่บริษัทกำลังเตรียมตัวเพื่อการเข้าตลาดหลักทรัพย์ในปี 2026 หรือ ‘IPO’ ตามแผนกลยุทธ์ระยะกลาง แม้พาวเวลล์จะลาออกจากตำแหน่งซีอีโอ แต่ยังคงร่วมกำหนดทิศทางของบริษัทในฐานะกรรมการบริหาร
ความคิดเห็น 0