ข่าว 
ข้อมูลเหรียญ 
แนะนำสื่อ 
บิตคอยน์(BTC) กำลังเผชิญกับ ‘แรงกดดัน’ หลังจากช่วงขาขึ้นที่ยาวนานตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา ทำให้เกิดความกังวลว่าอาจแตะจุดสูงสุดแล้ว ขณะเดียวกันตลาดคริปโตก็เผชิญกับความ ‘ไม่แน่นอน’ อย่างชัดเจน นักลงทุนบางรายระมัดระวังต่อแนวโน้มขาลงเพิ่มเติม ในขณะที่บางส่วนยังคงคาดหวังการรีบาวด์ใกล้ระดับ ‘แนวรับหลัก’ โดยอนาคตของตลาดในระยะสั้นขึ้นอยู่กับว่าภาพใดจะกลายเป็นจริง
บิตคอยน์เคยพุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 124,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 17.24 ล้านบาท) ภายในกรอบขาขึ้นระยะยาว แต่ไม่นานมานี้ได้หลุดออกจากกรอบดังกล่าว และขณะนี้กำลัง ‘ทดสอบแนวรับสำคัญ’ บริเวณช่วง 110,000–112,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 15.29–15.57 ล้านบาท) ซึ่งเป็นเขตที่เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 100 วันพาดผ่าน และถูกมองว่าเป็น ‘จุดชี้ชะตา’ ที่จะกำหนดแนวโน้มใหญ่ในสัปดาห์หน้า
หากพิจารณากราฟในกรอบเวลา 4 ชั่วโมง ราคาที่ระดับ 112,000 ดอลลาร์คือ ‘แนวรับเดิม’ หากราคาทะลุระดับนี้ลงมา จะถือเป็นสัญญาณเปลี่ยน ‘โครงสร้างตลาดระยะสั้น’ เข้าสู่แนวโน้มขาลง ขณะเดียวกันดัชนี RSI ปรับตัวลงอย่างต่อเนื่องต่ำกว่าระดับ 50 แสดงให้เห็นว่า ‘แรงขายยังคงมีชัย’ หากแนวรับนี้ไม่สามารถรักษาไว้ได้ ราคามีโอกาสร่วงลงไปแตะระดับ 104,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 14.45 ล้านบาท) ซึ่งเคยเป็นพื้นที่สะสมราคาช่วงต้นเดือนกรกฎาคม และถูกมองว่าเป็น ‘แนวรับเชิงเทคนิค’ ที่แข็งแกร่ง
ข้อมูลบนบล็อกเชนหรือ ‘ออนเชน’ ก็แสดงสัญญาณไม่น่าไว้วางใจ โดยจำนวนแอดเดรสใช้งานจริงในช่วง 100 วันล่าสุดยังคงนิ่ง แม้ว่าราคาจะปรับขึ้นต่อเนื่อง ความ ‘ไม่สอดคล้อง’ ระหว่างราคาและกิจกรรมบนเครือข่าย ทำให้ตลาดเริ่มตั้งข้อสงสัยว่า การพุ่งขึ้นของบิตคอยน์ครั้งนี้มี ‘ความยั่งยืน’ หรือไม่ มุมมองนี้ชี้ว่าเงินที่ไหลเข้ามาเป็น ‘เม็ดเงินเก็งกำไร’ มากกว่าการเติบโตของผู้ใช้งานจริง
ในอดีต ช่วงที่ตลาดแข็งแรงมักจะมีอัตราการเคลื่อนไหวบนบล็อกเชนสูงขึ้นอย่างชัดเจน แต่ปัจจุบันปริมาณแอดเดรสกลับลดลงค่อนข้างมากเมื่อเทียบกับจุดสูงสุด บ่งชี้ว่า ‘พื้นฐานของแนวโน้มขาขึ้น’ ยังไม่มั่นคง หากภาวะ ‘ออนเชนดิสรัปชั่น’ นี้ยังดำเนินต่อไป บิตคอยน์อาจดูแข็งแกร่งภายนอก แต่ภายในกลับเปราะบาง
โดยสรุปแล้ว แนวรับระหว่าง 110,000–112,000 ดอลลาร์กำลังกลายเป็น ‘สมรภูมิหลัก’ ที่จะชี้ชะตาราคาในระยะสั้น ข้อมูลด้านเทคนิคและออนเชนต่างบ่งชี้ว่าตลาดอาจอยู่ในช่วง ‘เปลี่ยนทิศทาง’ และนักลงทุนควรยืนฝั่ง ‘รอดูสถานการณ์’ มากกว่าลงมือซื้อในเวลานี้ ความชัดเจนจะเริ่มปรากฏในอีกไม่กี่วันข้างหน้า
ความคิดเห็น 0