ชิบะอินุ(SHIB) เผาเหรียญพุ่ง 93% สัปดาห์เดียว ทะลุ 22.65 ล้านโทเคน หนุนระบบนิเวศโตแรงบน Shibarium

ชิบะอินุ(SHIB) ได้รับความสนใจอีกครั้งเมื่อชุมชนผู้ใช้งานได้ช่วยกัน ‘เผาเหรียญ’ ไปกว่า 22.65 ล้านโทเคนในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ส่งผลให้ ‘อัตราการเผาเหรียญ SHIB พุ่งขึ้นถึง 93%’ เมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อน ตามข้อมูลจากแพลตฟอร์มติดตามการเผาเหรียญบนบล็อกเชนอย่าง Shibburn ระบุว่า โทเคนจำนวนมากถูกส่งไปยัง ‘กระเป๋าตาย’ ซึ่งไม่สามารถเรียกคืนได้อีก ถือเป็นการลดปริมาณ SHIB ที่หมุนเวียนอยู่ในตลาดอย่างมีนัยสำคัญ

จากตัวเลขการเผาเหรียญที่เปิดเผยออกมา พบว่ามีการเผาครั้งใหญ่สุดถึง 9.8 ล้านโทเคนแบบครั้งเดียว ขณะที่อีกหลายธุรกรรมก็อยู่ในระดับหลักล้านโทเคนเช่นกัน โดยรวมแล้วในช่วงเวลาเดียวกัน ปริมาณการเผาเหรียญทั้งหมดเพิ่มขึ้นถึง *93.01%* ขณะที่ ‘อัตราการเผารายวัน’ พุ่งขึ้นอย่างน่าตกใจถึง *6,354%* อย่างไรก็ตาม ในกรอบรายวัน พบว่ามีการเผา SHIB อยู่ที่ 2.39 ล้านโทเคน ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยรายสัปดาห์อย่างเห็นได้ชัด

ความร้อนแรงของการเผาเหรียญครั้งนี้สัมพันธ์โดยตรงกับการเติบโตของระบบนิเวศ SHIB โดยเฉพาะบนเครือข่าย *ชิบะเรียม(Shibarium)* ซึ่งตอนนี้มียอดรวมธุรกรรมทะลุ 1.5 พันล้านรายการแล้ว แสดงให้เห็นฐานผู้ใช้งานที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ข้อมูลจาก ShibariumScan ระบุว่า มีการสร้างบล็อกไปแล้วทั้งสิ้น 12,911,597 บล็อก และกระเป๋าผู้ใช้งานมากกว่า 272 ล้านใบ อย่างไรก็ตาม ปริมาณธุรกรรมต่อวันลดลงอย่างชัดเจนจากระดับเฉลี่ย 4 ล้านธุรกรรมต่อวันในช่วงปลายเดือนสิงหาคม เหลือเพียงประมาณ 20,000 ธุรกรรมในช่วงหลัง สะท้อนความผันผวนของการใช้งานเครือข่ายได้อย่างชัดเจน

ในแง่ราคา ปัจจุบัน *ชิบะอินุ(SHIB)* เคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับ *0.00001212 ดอลลาร์* หรือราว *0.017 บาท* โดยมีมูลค่าตลาดรวมอยู่ที่ *7,144.47 ล้านดอลลาร์* หรือประมาณ *993,990 ล้านบาท* ตลาดยังจับตามองว่า การเร่งเผาเหรียญผสานกับโครงการต่อยอดในระบบ SHIB จะส่งผลบวกต่อราคาสินทรัพย์ในระยะยาวหรือไม่ รวมถึงโอกาสการเข้าจดทะเบียนบนตลาดแลกเปลี่ยนขนาดใหญ่อีกครั้ง

ความคิดเห็น: แม้ *SHIB* จะถูกมองว่าเป็นมีมโทเคน แต่การสร้างโครงสร้างพื้นฐานบล็อกเชนของตนเอง รวมถึงการผลักดันการใช้งานจริง ทำให้เริ่มมีน้ำหนักมากขึ้นในตลาดอัลท์คอยน์ อย่างไรก็ตาม อัตราการเผาที่พุ่งสูงยังไม่สามารถการันตีว่าจะช่วยสร้าง ‘มูลค่าที่แท้จริง’ ได้โดยอัตโนมัติ การวิเคราะห์เชิงลึกจากหลายฝ่ายจึงยังมีความจำเป็นในการประเมินอนาคตของโทเคนตัวนี้ในระยะยาว