เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม ดอจคอยน์(DOGE) พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบหลายเดือนที่ราคา 0.28 ดอลลาร์ (ประมาณ 389 บาท) ก่อนจะร่วงลงมากกว่า 24% ส่งสัญญาณเตือนที่สำคัญต่อตลาดคริปโต โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่กลุ่มนักลงทุนรายใหญ่หรือ ‘วาฬ’ เริ่มเทขายเหรียญจำนวนมาก ทำให้ความหวังในแนวโน้มการฟื้นตัวของราคาเริ่มลดลง ความเคลื่อนไหวของนักลงทุนรายใหญ่เช่นนี้ สะท้อนถึงภาวะ ‘หลีกเลี่ยงความเสี่ยง’ ที่ทวีความรุนแรงขึ้นในตลาด
ข้อมูลจาก ‘ออนเชน’ ยังชี้ให้เห็นถึงความสนใจที่ลดลงของนักลงทุนต่อดอจคอยน์ โดยเมื่อดูจากตลาดตราสารอนุพันธ์ มูลค่าของสัญญาเปิด (Open Interest) ของดอจคอยน์ลดลงจาก 5.35 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 7.43 แสนล้านบาท) เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม เหลือ 3.24 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 4.5 แสนล้านบาท) ภายในเวลาเพียงสองวัน ลดลงเกือบ 8% ซึ่งเป็นสัญญาณว่าความเชื่อมั่นระยะสั้นในแนวโน้มราคากำลังถดถอย
ในขณะเดียวกัน จำนวนกระเป๋าเงินที่มีการใช้งานต่อวันก็ลดลงต่อเนื่อง สะท้อนว่า ‘ความต้องการในเชิงใช้งาน’ ของดอจคอยน์เริ่มอ่อนแรง ผู้ใช้ที่เคยถือครองหรือใช้งานเหรียญเริ่มหันหลังให้ชั่วคราว การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ยิ่งตอกย้ำถึง ‘ความเป็นไปได้ในการปรับฐานราคาทางลงในระยะกลางถึงยาว’
ด้านเทคนิค นักวิเคราะห์ระบุว่าดอจคอยน์กำลังสร้างรูปแบบราคาที่เรียกว่า ‘Rising Wedge’ ซึ่งมักเป็นสัญญาณของการกลับตัวขาลง หากรูปแบบนี้สมบูรณ์จริง อาจทำให้ราคาหล่นลงถึง 45% จากระดับปัจจุบัน โดยโครงสร้างลักษณะนี้มักเกิดขึ้นระหว่างการปรับขึ้นของราคา แต่มีปริมาณการซื้อขายที่ลดน้อยลง ซึ่งบ่งบอกถึง ‘แรงซื้อ’ ที่เริ่มอ่อนแอลง
แรงกดดันของดอจคอยน์ในช่วงนี้ไม่ได้สะท้อนเพียงแค่ความผันผวนของราคา แต่ยังชี้ให้เห็นถึง ‘ความเปลี่ยนแปลงทางจิตวิทยาการลงทุน’ และความเสี่ยงต่อเสถียรภาพของโครงสร้างตลาดโดยรวม ในขณะที่วาฬได้เริ่มเข้าสู่โหมด ‘หลบเลี่ยงความเสี่ยง’ แล้ว นักลงทุนทั่วไปอาจต้องพิจารณาแนวทางที่ ‘รอบคอบยิ่งขึ้น’ ในการวางกลยุทธ์ต่อไป
ความคิดเห็น 0