Back to top
  • 공유 แชร์
  • 인쇄 พิมพ์
  • 글자크기 ขนาดตัวอักษร
ลิงก์ถูกคัดลอกแล้ว

ซิตี้กรุ๊ปคาด 10% ธุรกรรมการเงินโลกจะใช้สเตเบิลคอยน์และโทเคนภายใน 5 ปี

ซิตี้กรุ๊ปคาด 10% ธุรกรรมการเงินโลกจะใช้สเตเบิลคอยน์และโทเคนภายใน 5 ปี / Tokenpost

ตลาดหลังการซื้อขายทั่วโลกเตรียมก้าวสู่ยุคใหม่ เมื่อกว่า ‘10% ของธุรกรรม’ อาจถูกดำเนินการผ่าน ‘สเตเบิลคอยน์และหลักทรัพย์แบบโทเคน’ ภายใน 5 ปีข้างหน้า ตามรายงานฉบับล่าสุดจากธนาคารเพื่อการลงทุนรายใหญ่ของสหรัฐฯ อย่างซิตี้กรุ๊ป(Citigroup) ซึ่งประเมินว่า ‘ทรัพย์สินดิจิทัล’ กำลังเข้ามามีบทบาทสำคัญมากขึ้นในระบบหลังการซื้อขาย โดยหลายบริษัทเริ่มเปลี่ยนผ่านจากขั้นทดลองไปสู่การใช้จริงในระดับกลยุทธ์

รายงาน “วิวัฒนาการของบริการด้านหลักทรัพย์” ซึ่งซิตี้เผยแพร่นี้ อ้างอิงผลสำรวจจากองค์กรระดับสากลกว่า 537 แห่ง ทั้งธนาคาร ผู้ดูแลสินทรัพย์ นายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ ผู้จัดการกองทุน และนักลงทุนสถาบัน โดย ‘มากกว่าครึ่ง’ ของผู้ตอบแบบสอบถามระบุว่ากำลังเริ่มทดสอบการใช้ ‘ปัญญาประดิษฐ์เชิงสร้างสรรค์ (GenAI)’ กับระบบหลังบ้าน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนการดำเนินงาน ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึง ‘ความพยายามเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล’ ที่กำลังเร่งตัวขึ้นอย่างชัดเจน

หนึ่งในประเด็นที่ได้รับความสนใจคือ ‘สเตเบิลคอยน์ที่ออกโดยธนาคาร’ ที่ถูกมองว่าอาจกลายเป็นเครื่องมือแก้ไขปัญหาในการบริหารหลักประกัน, การโทเคนกองทุนรวม และการจัดการกับหลักทรัพย์นอกตลาด อีกทั้ง เทคโนโลยี ‘บัญชีแยกประเภทแบบกระจายศูนย์ (DLT)’ ยังอาจช่วยเปลี่ยนแปลงความเร็วในการประมวลผลธุรกรรมและลดต้นทุนได้อย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งถือเป็นจุดเปลี่ยนของโครงสร้างตลาด

ซิตี้ระบุว่า ตั้งแต่ปี 2021 เป็นต้นมา การนำ ‘ทรัพย์สินดิจิทัล’ เข้ามาใช้งานในแวดวงการเงินได้ก้าวข้ามจากการทดลอง ไปสู่การเป็นส่วนหนึ่งของแผนธุรกิจหลักขององค์กรขนาดใหญ่หลายแห่ง รายงานยังชี้ให้เห็นว่า โลกกำลังก้าวเข้าสู่ “จุดเปลี่ยน” โดยสิ่งที่จะตามมาคือ ‘การเปลี่ยนแปลงเชิงนวัตกรรม’ อย่างครอบคลุมทั้งด้านความเร็ว, ต้นทุน และ ‘ความยืดหยุ่นในการฟื้นตัว’ ของระบบตลาดทุน

ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่ระบุว่า ‘สภาพคล่อง’ และ ‘การลดต้นทุน’ เป็นแรงจูงใจหลักที่ผลักดันให้มีการลงทุนในเทคโนโลยีใหม่นี้ โดยหาก DLT สามารถเพิ่มความเร็วในการเคลื่อนย้ายหลักทรัพย์ จะช่วยลดทั้ง ‘ต้นทุนทางการเงินในการระดมทุน’, ‘ภาระในการบริหารสินทรัพย์’ และ ‘ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน’ ลงได้อย่างชัดเจน ซึ่งซิตี้สรุปว่า “ผู้ตอบมากกว่าครึ่ง” มองว่าโอกาสในการปรับโครงสร้างด้วย DLT ภายในปี 2028 นั้น ‘ชัดเจนกว่าที่เคย’

ในเชิงพื้นที่ ซิตี้ประเมินว่า สหรัฐฯ จะเป็นตลาดที่ ‘มีการนำทรัพย์สินดิจิทัลมาใช้ในธุรกรรมทางการเงินเร็วที่สุด’ โดยมีการคาดการณ์ว่า ‘ภายในปี 2030’ สัดส่วนมากถึง ‘14% ของมูลค่าการซื้อขาย’ จะเกิดขึ้นผ่าน ‘สเตเบิลคอยน์หรือหลักทรัพย์แบบโทเคน’ ซึ่งถือว่าสูงกว่ายุโรป (10%) และเอเชียแปซิฟิก (9%) โดยซิตี้มองว่า ปัจจัยผลักดันสำคัญคือ ‘ความคืบหน้าของกฎหมายสเตเบิลคอยน์ในสภาคองเกรส’ ที่เปิดทางให้วอลล์สตรีทยอมรับสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างรวดเร็ว

ท้ายที่สุด รายงานสรุปว่า สภาพแวดล้อมของ ‘ทรัพย์สินดิจิทัล’ กำลังเชื่อมโยงกับ ‘ระบบการเงินแบบดั้งเดิม’ มากขึ้น พร้อมส่งสัญญาณว่า ‘การเปลี่ยนผ่านครั้งใหญ่’ ของโครงสร้างพื้นฐานตลาดการเงินทั่วโลก โดยเฉพาะระบบการประมวลผลหลังการซื้อขาย กำลัง ‘ใกล้ถึงจุดระเบิดจริงจัง’ แล้วในอนาคตอันใกล้

<ลิขสิทธิ์ ⓒ TokenPost ห้ามเผยแพร่หรือแจกจ่ายซ้ำโดยไม่ได้รับอนุญาต>

บทความที่มีคนดูมากที่สุด

ความคิดเห็น 0

ข้อแนะนำสำหรับความคิดเห็น

ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ต้องการบทความติดตามเพิ่มเติม เป็นการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม

0/1000

ข้อแนะนำสำหรับความคิดเห็น

ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ต้องการบทความติดตามเพิ่มเติม เป็นการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม
1