โปรโตคอลแบบกระจายศูนย์บนเครือข่ายอีเธอเรียม(ETH) อย่าง ‘บันนี(Bunni)’ ตกเป็นเป้าโจมตีจากการ *เจาะจุดอ่อนของสมาร์ตคอนแทรกต์* ส่งผลให้มีการสูญเสียเหรียญสเตเบิลคอยน์มูลค่ากว่า 2.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 33.3 ล้านบาท ตามรายงานของบริษัทด้านความปลอดภัยบนบล็อกเชนเมื่อวันที่ 5 (เวลาท้องถิ่น) ผู้โจมตีใช้ช่องโหว่ในกลไกการคำนวณสภาพคล่องของบันนีเพื่อดึงเงินออกจากระบบ
ทางทีมงานของบันนีเปิดเผยผ่านบัญชี X (เดิมคือทวิตเตอร์) ว่าเกิด *เหตุการณ์การโจมตีผ่านสมาร์ตคอนแทรกต์* จริง และได้ดำเนินการระงับฟังก์ชันของสมาร์ตคอนแทรกต์ในเครือข่ายทั้งหมดเพื่อจัดการกับเหตุการณ์ดังกล่าว พร้อมระบุว่า “กำลังตรวจสอบปัญหาและจะมีการประกาศมาตรการเพิ่มเติมในเร็วๆ นี้”
การโจมตีครั้งนี้พุ่งเป้าไปที่ *สมาร์ตคอนแทรกต์ของบันนีที่รันอยู่บนเครือข่ายอีเธอเรียมโดยตรง* ทั้งนี้ เหรียญที่สูญหายได้ถูกโอนไปยังกระเป๋าเงินที่ตรวจสอบได้บนอีเธอร์สแกน(Etherscan) ซึ่งปัจจุบันมียอดเงินคงเหลือประมาณ 1.33 ล้านดอลลาร์ในรูปของ USDคอยน์(USDC) และอีก 1.04 ล้านดอลลาร์ในรูปของเทเธอร์(USDT)
@Psaul26ix ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้พัฒนาหลักของบันนี ได้ออกมาเตือนผู้ใช้งานผ่าน X ให้ “*รีบถอนเงินทั้งหมดออกจากแพลตฟอร์มทันที*” พร้อมระบุว่า การถอนเงินออกตอนนี้คือวิธีที่ปลอดภัยที่สุด
*ความคิดเห็น:* เหตุการณ์ในครั้งนี้ไม่เพียงส่งผลกระทบต่อผู้ใช้งานบันนีโดยตรงเท่านั้น แต่ยังสร้างแรงสั่นสะเทือนต่อความเชื่อมั่นในโพรโตคอลสภาพคล่องแบบกระจายศูนย์(DeFi) ทั่วทั้งอุตสาหกรรม ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยชี้ว่า การโจมตีนี้แสดงให้เห็นถึง ‘*ช่องว่างความปลอดภัยใน DeFi ที่อาศัยสมาร์ตคอนแทรกต์*’ และตอกย้ำความจำเป็นของการตรวจสอบความปลอดภัยและการเฝ้าระวังระบบแบบเรียลไทม์อย่างจริงจัง
ความคิดเห็น 0