ตามรายงานในสมุดปกขาวฉบับล่าสุดที่ชื่อว่า ‘Evolution 2025’ ของบริษัท ซิตี้ ซิเคียวริตี้ เซอร์วิส (Citi Securities Services) คาดการณ์ว่าภายในปี 2030 ประมาณ ‘10%’ ของปริมาณการซื้อขายในตลาดการเงินแบบดั้งเดิมจะถูก ‘โทเคนไนซ์’ หรือเปลี่ยนเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลที่อยู่บนเครือข่ายบล็อกเชน รายงานฉบับนี้จัดทำโดยอิงจากการสำรวจความคิดเห็นขององค์กรทางการเงินระดับโลกจำนวน 537 แห่ง โดยชี้ว่า ‘ผู้รับฝากทรัพย์สิน’ (custodian) จะกลายเป็นฟันเฟืองสำคัญในระบบการเงินแบบดั้งเดิมที่กำลังเปลี่ยนผ่านสู่โลกดิจิทัล
จากการสำรวจ ผู้ตอบแบบสอบถามจำนวน 63% คาดว่าภายในปี 2030 พวกเขาจะบริหารสินทรัพย์ในระบบ ‘มัลติบล็อกเชน’ หรือหลายบล็อกเชนที่เชื่อมโยงกัน ซึ่งจำเป็นต้องมีผู้ให้บริการที่ทำหน้าที่เชื่อมต่อโครงสร้างพื้นฐานเหล่านี้ โดยเฉพาะผู้รับฝากทรัพย์สิน ที่มีคุณสมบัติ ‘น่าเชื่อถือ’ และ ‘มีความเชื่อมโยง’ มากกว่าการกระจายศูนย์อย่างสิ้นเชิง ความคิดเห็นดังกล่าวบ่งชี้ว่า นักลงทุนสถาบันอาจเลือกใช้บริการของผู้ดูแลทรัพย์แทนการบริหารสินทรัพย์ด้วยตนเองในระบบแบบไร้ตัวกลาง
อย่างไรก็ดี ทัศนคติเหล่านี้ย่อมมีความเปลี่ยนแปลงตามเวลา ซิตี้ได้ติดตามพฤติกรรมตลาดอย่างใกล้ชิด ผ่านการสำรวจซ้ำในแต่ละปี โดยในปีที่ผ่านมา เมื่อมีการถามเกี่ยวกับประเภทสินทรัพย์ดิจิทัลที่จะเติบโตเร็วที่สุดภายในปี 2030 พบว่าผู้ตอบเกือบ 60% เลือก *การโทเคนไนซ์สินทรัพย์ภาคเอกชนและสินทรัพย์ทางเลือก* รวมถึง *คริปโตเคอร์เรนซี* สะท้อนให้เห็นถึงความคาดหวังของตลาดที่ไปไกลกว่าสินทรัพย์รูปแบบใหม่จากภาครัฐ เช่น เงินดิจิทัลจากธนาคารกลาง(CBDC) หรือเงินฝากแบบโทเคนไนซ์
รายงานยังเน้นว่า ท่ามกลางการเติบโตของ Web3 และเทคโนโลยีสินทรัพย์ดิจิทัล บริการรับฝากทรัพย์จะต้อง ‘พัฒนาจากระบบเก็บข้อมูลแบบเดิม ไปสู่แพลตฟอร์มที่เชื่อมโยงระหว่างหลายบล็อกเชน’ ซึ่งสะท้อนถึงความจำเป็นที่องค์กรรับฝากทรัพย์จะต้องมีความสามารถทางเทคนิคสูงขึ้น เพื่อรองรับประสบการณ์การใช้งานที่ยืดหยุ่นตามความต้องการของนักลงทุนในอนาคต ที่ไม่ต้องการจำกัดอยู่ในบล็อกเชนเดียว
รายงานฉบับนี้อยู่ภายใต้ยุทธศาสตร์ของซิตี้ในการรวบรวมตลาดโลก ไม่ว่าจะเป็นตลาดการเงินแบบดั้งเดิม คริปโต หรือสินทรัพย์ดิจิทัล ผ่านเครือข่ายระดับโลกของตนเอง โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อผลักดันการเปลี่ยนผ่านไปสู่ระบบการเงินใหม่ ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่า *วิวัฒนาการของผู้ให้บริการรับฝากทรัพย์สิน* อาจกลายเป็น ‘ปัจจัยเร่งที่สำคัญ’ สำหรับกระบวนการเปลี่ยนสินทรัพย์แบบดั้งเดิมให้เข้าสู่ระบบโทเคนในวงกว้าง
ความคิดเห็น 0