อีเธอเรียม(ETH) กำลังได้รับความสนใจในหมู่นักลงทุน แม้ตลาดคริปโตโดยรวมยังเผชิญกับแรงกดดันด้านราคา โดยล่าสุด อีเธอเรียมสามารถรักษาระดับราคาที่แนวรับแข็งแกร่งราว 4,300 ดอลลาร์ (ประมาณ 5.98 ล้านบาท) แม้จะปรับตัวลงกว่า 15% จากจุดสูงสุดตลอดกาลเมื่อวันที่ 24 สิงหาคม อย่างไรก็ตาม ปริมาณการใช้งานแอปพลิเคชันแบบกระจายศูนย์ (DApp) และรายได้จากค่าธรรมเนียมที่เพิ่มขึ้นยังคงสะท้อน ‘ความเชื่อมั่น’ ของตลาดต่อเครือข่ายนี้
ข้อมูลล่าสุดยังชี้ว่า อีเธอเรียมมีปริมาณกิจกรรมบนเครือข่ายที่เหนือกว่า โซลานา(SOL) และทรอน(TRX) ซึ่งเป็นสัญญาณสนับสนุนถึง ‘ความสามารถในการขยายระบบนิเวศ’ และ ‘ความยั่งยืน’ ของแพลตฟอร์ม โดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดตกต่ำเช่นนี้
ในตลาดอนุพันธ์ แม้จะยังไม่เห็นสัญญาณการเก็งกำไรในระยะสั้นอย่างเด่นชัด โดยดัชนีอย่างมูลค่าคงค้างของสัญญาฟิวเจอร์สและค่า Funding Rate ยังคงเปราะบาง แต่ ‘การเพิ่มขึ้นของปริมาณการถือครองจากสถาบัน’ กลับชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งแสดงถึงความสนใจในการลงทุนระยะยาว และเน้นย้ำว่าตอนนี้สถาบันการเงินกำลังเริ่ม ‘วางตำแหน่งการลงทุน’ อย่างจริงจัง
ขณะเดียวกัน สถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์ก็ยังมีผลต่อจิตวิทยาตลาดโดยรวม โดยเมื่อเร็ว ๆ นี้ ทรัมป์ ได้ออกมาโจมตีนโยบายการค้าของอินเดียอย่างรุนแรง ซึ่งเกิดขึ้นหลังจากที่ นเรนทรา โมดี นายกรัฐมนตรีอินเดีย พบหารือกับผู้นำของจีนและรัสเซีย ความเคลื่อนไหวนี้ยิ่งเพิ่มความไม่แน่นอนในตลาด ส่งผลให้นาสแด็กปรับตัวลง 1.3% และราคาทองคำพุ่งทำสถิติสูงสุด โดยได้แรงหนุนจากการเข้าซื้อของธนาคารกลางต่างประเทศ
ท่ามกลางความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจสหรัฐ อีเธอเรียมกำลังสร้างแรงขับเคลื่อนใหม่ผ่านกิจกรรมบนบล็อกเชนและการไหลเข้าของเงินทุนจากสถาบัน แม้ในระยะสั้นอาจยังคงเผชิญกับ ‘ความผันผวนในตลาดอนุพันธ์’ แต่อาจมีโอกาสไต่ระดับสู่ระดับ 5,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 6.95 ล้านบาท) ได้ในอนาคตอันใกล้
ความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญระบุว่า การเติบโตของ ‘การใช้งานเครือข่าย’ และ ‘กำไรที่เกิดขึ้นจริงบนเมนเน็ต’ ถือเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้อีเธอเรียมแตกต่างจากบล็อกเชน Layer1 อื่น ๆ และอาจกลายเป็นพื้นฐานสำคัญต่อการเติบโตระยะยาวของเครือข่ายคริปโตนี้
ความคิดเห็น 0