ชิบะอินุ(SHIB) ส่งสัญญาณขาขึ้นหลังเกิด 'โกลเดนครอส' ครั้งแรกปี 2025 นักวิเคราะห์เผยอาจพุ่งต่อ 85%

ชิบะอินุ(SHIB) กลับมาเป็นจุดสนใจอีกครั้งหลังจากเกิด ‘โกลเดนครอส’ เป็นครั้งแรกของปี 2025 บนกราฟรายวัน โดยเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ระยะสั้น 50 วัน ได้ตัดขึ้นเหนือเส้นค่าเฉลี่ยระยะยาว 200 วัน ซึ่งถือเป็น ‘สัญญาณบวก’ ที่นักวิเคราะห์มองว่าอาจสื่อถึงการกลับตัวของแนวโน้มหรือการเริ่มต้นของขาขึ้นในตลาดคริปโต

สิ่งที่ทำให้สถานการณ์นี้น่าจับตามาเป็นพิเศษคือ โกลเดนครอสครั้งนี้เกิดบนกราฟรายวัน ไม่ใช่กราฟระยะสั้น และถือเป็นการกลับทิศหลังจากเกิดสัญญาณตัดลงหรือ ‘เดดครอส’ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของแนวโน้มขาลงที่ชิบะอินุต้องเผชิญ ความเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้จึงอาจเป็น ‘จุดเปลี่ยน’ เชิงจิตวิทยาที่มีความสำคัญต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน

ล่าสุด ชิบะอินุถูกซื้อขายอยู่ที่ 0.00001249 ดอลลาร์ (ประมาณ 0.017 บาท) ปรับตัวขึ้น 2.16% ภายใน 24 ชั่วโมง โดยมีมูลค่าตลาดรวมราว 1.023 หมื่นล้านบาท หรือประมาณ 736 ล้านดอลลาร์ ราคาเคยร่วงลงติดต่อกัน 3 วันถัดจากการพุ่งขึ้นเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม และเพิ่งดีดกลับจากระดับต่ำสุดที่ 0.00001183 ดอลลาร์ (ประมาณ 0.016 บาท) สะท้อนถึงแนวโน้มบวกที่เริ่มฟื้นตัวอีกครั้ง

หากย้อนดูอดีต เมื่อช่วงพฤศจิกายน 2024 ก็เคยเกิดโกลเดนครอสในลักษณะเดียวกัน ก่อนที่ราคาชิบะอินุจะพุ่งขึ้นเกือบ 85% ภายในไม่กี่สัปดาห์แตะระดับ 0.00003344 ดอลลาร์ (ประมาณ 0.046 บาท) หากประวัติศาสตร์ซ้ำรอยอีกครั้ง ราคาชิบะอินุอาจมีเป้าหมายใหม่ที่ 0.000023 ดอลลาร์ (ประมาณ 0.032 บาท) หรือเพิ่มขึ้นจากระดับปัจจุบันประมาณ 85%

อย่างไรก็ตาม ตลาดคริปโตยังคงเปราะบางต่อความผันผวน ความเห็นจากผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่าหากราคาลดลงต่ำกว่าระดับสำคัญที่ 0.000011 ดอลลาร์ (ประมาณ 0.015 บาท) หรือในกรณีที่หลุดแนวรับล่างสุดที่ 0.00001 ดอลลาร์ (ประมาณ 0.014 บาท) ก็อาจเป็นสัญญาณของการอ่อนตัวต่อเนื่อง

ในขณะที่คริปโตหลักหลายตัวไม่สามารถรักษาการฟื้นตัวได้เนื่องจากแรงขายทำกำไรทั่วทั้งตลาด การดีดตัวของชิบะอินุกำลังโดดเด่นสวนทางและสะท้อน ‘ความแข็งแกร่งเชิงเปรียบเทียบ’ โดยเฉพาะเมื่อนักลงทุนเริ่มหันมาใช้เครื่องมืออย่างเส้นค่าเฉลี่ยเป็นหลักในการประเมินกลยุทธ์

นี่จึงอาจเป็นช่วงเวลาที่ตลาดกำลังทบทวน ‘ศักยภาพของมีมคอยน์’ อีกครั้ง และคำถามว่างวดนี้ชิบะอินุจะเดินซ้ำรอยความสำเร็จในอดีต หรือเปิดบทใหม่ในประวัติศาสตร์ ก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของนักลงทุนในเวลานี้