โทเคน PI ของโครงการ พี เน็ตเวิร์ก (Pi Network) กำลังเผชิญแรงขายรุนแรง หลังมีรายงานว่าโทเคนมากกว่า 7.1 ล้านเหรียญถูกโอนเข้าสู่ตลาดซื้อขายภายในวันเดียว นำไปสู่ ‘สัญญาณเตือน’ ด้านราคาที่ร่วงลงอย่างต่อเนื่อง โดยข้อมูลล่าสุดระบุว่ามีโทเคนมากถึง 428 ล้านเหรียญซึ่งถือเป็น *ระดับสูงสุดในประวัติการณ์* ถูกเก็บไว้ในกระดานซื้อขาย ซึ่งมักถูกตีความว่าเป็นแรงกดดันในการเทขาย
เมื่อปลายเดือนที่ผ่านมา ราคาของ PI เคยพุ่งขึ้นแตะราว 0.40 ดอลลาร์ (ประมาณ 556 บาท) หลังจากมีการเปิดตัวซอฟต์แวร์โหนดระบบปฏิบัติการลินุกซ์ แต่ไม่นานก็ปรับตัวลดลงอย่างรวดเร็ว โดยขณะนี้ซื้อขายอยู่ที่ราว 0.34 ดอลลาร์ (ประมาณ 473 บาท) และในช่วงสิ้นสุดสัปดาห์ราคาก็ร่วงแตะ 0.33 ดอลลาร์ (ประมาณ 459 บาท) ซึ่งนับว่าลดลงกว่า 90% เมื่อเปรียบเทียบกับจุดสูงสุดตลอดกาลที่ 3 ดอลลาร์ (ประมาณ 4,170 บาท) เมื่อต้นเดือนนี้
สาเหตุหลักที่กดดันราคาคือ *การไหลเข้าสู่ตลาดของโทเคนจำนวนมหาศาล* โดยบล็อกเชนของ PI รายงานว่าในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา มีโทเคนใหม่เคลื่อนไหวเข้าสู่ตลาดกว่า 7.1 ล้านเหรียญ โดยเฉพาะในกระดานเทรด Gate.io ที่ถือครองเกือบ 200 ล้านเหรียญ และ Bitget ที่ตามมาด้วย 143.5 ล้านเหรียญ การไหลบ่าเข้าสู่แพลตฟอร์มเหล่านี้มักสะท้อนว่า นักขุดหรือผู้ถือครองระยะยาวกำลังทยอยขายออก ซึ่งอาจตามมาด้วยการเทขายปริมาณมาก
PI ยังไม่ถูกขึ้นกระดานซื้อขายในแพลตฟอร์มใหญ่ เช่น ไบแนนซ์ หรือ คอยน์เบส ซึ่งสร้างความยากลำบากให้กับนักลงทุนในการแลกเปลี่ยนหรือนำไปใช้งาน ล่าสุดแม้ว่าในชุมชนจะมีข่าวว่าทางไบแนนซ์เริ่มสำรวจความคิดเห็นเกี่ยวกับการนำ PI เข้าจดทะเบียน แต่ยังไม่มีการประกาศสนับสนุนอย่างเป็นทางการ ขณะเดียวกันเดือนนี้มีรายงานว่าโทเคนจะถูกเปิตตัวเข้าสู่ตลาดเพิ่มเติมถึงประมาณ 161.3 ล้านเหรียญ โดยในรอบล่าสุดจะมีการปลดล็อกอีก 12 ล้านเหรียญในเร็วๆ นี้
แม้จะมี *พัฒนาการในเชิงบวก* อย่างการที่ Onramp Money ผู้ให้บริการเกตเวย์ระหว่างฟียัตและคริปโตเริ่มรองรับ PI สำหรับการซื้อขาย แต่กระนั้น ราคาก็ยังไม่ได้รับแรงสนับสนุนมากนัก “ความคิดเห็น” จากนักวิเคราะห์จำนวนหนึ่งชี้ว่า ปัจจัยกระตุ้นที่แท้จริง น่าจะเป็นการที่ PI ได้รับการจดทะเบียนในกระดานเทรดขนาดใหญ่ ซึ่งอาจทำให้ราคากลับตัวจากจุดต่ำลงได้ในอนาคต
อย่างไรก็ตาม สำหรับระยะสั้น ความเสี่ยงด้านราคายังคงสูง จากปริมาณโทเคนหมุนเวียนที่เพิ่มขึ้น ความต้องการในตลาดที่ยังต่ำ และการทยอยปลดล็อกโทเคนอย่างต่อเนื่อง ความสามารถในการฟื้นตัวของ PI อาจต้องพึ่งพาการจดทะเบียนในกระดานใหญ่ การพัฒนาของระบบเน็ตเวิร์ก และการขยายระบบรางวัลภายในโครงการตามลำดับ
ความคิดเห็น 0