แจ็ค หม่า ผู้ก่อตั้ง อาลีบาบา ยักษ์ใหญ่อีคอมเมิร์ซของจีน กำลังก้าวเข้าสู่ตลาดคริปโตอย่างจริงจัง โดยบริษัทลงทุน ยุ่นเฟิง ไฟแนนเชียลกรุ๊ป (Yunfeng Financial Group) ที่เขาเป็นผู้นำได้เปิดเผยว่าเพิ่งเข้าซื้อ *อีเธอเรียม(ETH)* จำนวน 10,000 เหรียญในฐานะ ‘สินทรัพย์สำรอง’ ด้วยมูลค่ารวม 44 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 611 พันล้านวอน โดยใช้เงินทุนสะสมภายในบริษัทเป็นหลัก
จากข้อมูลที่เปิดเผยต่อนักลงทุน ยุ่นเฟิง ยืนยันว่าการเข้าซื้อในครั้งนี้ไม่ใช่เพียงธุรกรรมระยะสั้น แต่เป็น *ยุทธศาสตร์ระยะยาว* เพื่อเตรียมความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐานรองรับ *โทเคนทรัพย์สินจริง (Real World Assets)* ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดของแจ็ค หม่า ที่เชื่อว่า *สินทรัพย์ดิจิทัลสามารถนิยามความหมายของ “เงินตรา” ใหม่อีกครั้ง* ในโลกยุคดิจิทัล
การเคลื่อนไหวครั้งนี้กระตุ้นให้เกิดการวิเคราะห์ว่า อีเธอเรียมกำลังกลายเป็น *สินทรัพย์ยุทธศาสตร์ของนักลงทุนสถาบัน* คล้ายกับที่ไมโครสเตรทิจี(MicroStrategy) เคยทำกับบิตคอยน์(BTC) โดยกรณีของยุ่นเฟิงถือเป็นอีกหมุดหมายที่ช่วย *ตอกย้ำสถานะของอีเธอเรียมในตลาดคริปโต* อย่างมีนัยสำคัญ
ในแง่ของตลาด ราคาของอีเธอเรียม ณ เวลาที่มีรายงานข่าวอยู่ที่ 4,349 ดอลลาร์ (ประมาณ 605 ล้านบาท) แม้ว่าจะลดลงเล็กน้อย 0.78% ภายใน 24 ชั่วโมง แต่ยังมี *ปริมาณการซื้อขายที่แข็งแกร่ง* โดยมีปริมาณรวม 40.4 พันล้านดอลลาร์ หรือราว 5.6 ล้านล้านวอน เพิ่มขึ้น 24.61% จากวันก่อนหน้า ซึ่งสะท้อนถึงความเชื่อมั่นของตลาดและความหวังในการฟื้นตัวในอนาคต
*ความคิดเห็น* จากผู้เชี่ยวชาญมองว่าข่าวนี้อาจเป็น ‘ตัวเร่ง’ ดันราคาอีเธอเรียมให้ทะลุแนวต้านที่ 5,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 695 ล้านบาท) โดยเม็ดเงินสถาบันที่ไหลเข้ามาอย่างสม่ำเสมอ และความเชื่อมโยงกับเศรษฐกิจจริง จะเป็นปัจจัยสนับสนุนให้เกิด *ตลาดกระทิงในระยะกลางถึงยาว*
ทั้งนี้ ยุ่นเฟิงยังระบุว่ากำลังพิจารณาขยายพอร์ตการลงทุนในคริปโตเพิ่มเติม สอดคล้องกับแนวโน้มที่ *ตลาดคริปโตเริ่มเปลี่ยนบทบาทจากสินทรัพย์ผันผวน ไปสู่สินทรัพย์กลยุทธ์* อย่างชัดเจน โลกกำลังจับตาดูว่าความเคลื่อนไหวล่าสุดของแจ็ค หม่า จะนำไปสู่ความเปลี่ยนแปลงใดในอุตสาหกรรมสินทรัพย์ดิจิทัลในอนาคต
ความคิดเห็น 0