บริษัทสแตรทิจี(Strategy) ยักษ์ใหญ่สายกลยุทธ์ที่เดินหน้าซื้อบิตคอยน์(BTC) อย่างต่อเนื่อง สร้างความสนใจในตลาดอีกครั้ง เมื่อไมเคิล เซย์เลอร์(Michael Saylor) ประธานบริษัท ประกาศว่าทางบริษัทได้ซื้อบิตคอยน์เพิ่มจำนวนมหาศาล และ *ปรับเพิ่มอัตราผลตอบแทนเงินปันผลต่อหุ้นจาก 9% เป็น 10%*
ข่าวนี้ได้รับการเปิดเผยอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 2 (เวลาท้องถิ่น) โดยเซย์เลอร์โพสต์ผ่านแพลตฟอร์ม X (ชื่อเดิมคือทวิตเตอร์) ว่าอัตราปันผลประจำปีของหุ้น STRC ได้เพิ่มขึ้นเป็น 10% โดยชี้ว่าเป็นผลมาจาก *ผลประกอบการที่แข็งแกร่งและความมั่นใจในการขยายกิจการของบริษัท*
จุดเริ่มต้นของการปรับเพิ่มเงินปันผลในครั้งนี้มาจากการลงทุนในบิตคอยน์อย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดบริษัทได้เผยว่า *สแตรทิจีได้ซื้อบิตคอยน์เพิ่มอีก 4,048 เหรียญ มูลค่ารวมราว 6,240 พันล้านวอน (ประมาณ 449.3 ล้านดอลลาร์)* โดยมีราคาซื้อต่อเหรียญเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 110,981 ดอลลาร์ (ราว 15.4 ล้านบาท) ทำให้ปัจจุบันสแตรทิจีถือครองบิตคอยน์รวม *636,505 BTC* โดยมีต้นทุนเฉลี่ยอยู่ที่ 73,765 ดอลลาร์ (ประมาณ 10.2 ล้านบาท)
การประกาศครั้งนี้ส่งผลให้อัตราแลกเปลี่ยนหุ้น STRC ปรับตัวขึ้น โดยแตะระดับ *97.75 ดอลลาร์ต่อหุ้น (ประมาณ 13.6 ล้านบาท)* และดันมูลค่าตลาดรวมของบริษัทขึ้นเป็น *ประมาณ 3.81 ล้านล้านวอน (27.4 พันล้านดอลลาร์)* โดยบริษัทมีแผนจ่ายเงินปันผลในวันที่ 30 ของเดือนนี้ ซึ่งสะท้อนการขับเคลื่อนมูลค่าให้กับผู้ถือหุ้นก่อนการจ่ายผลตอบแทนครั้งใหญ่
ในมุมมองของผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมคริปโต ความเคลื่อนไหวในครั้งนี้สะท้อนให้เห็นว่า *กลยุทธ์การถือครองบิตคอยน์ของสแตรทิจีกำลังบรรลุผลในเชิงปฏิบัติ* โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อผลตอบแทนจากการถือครองบิตคอยน์ของบริษัทเพิ่มขึ้นถึง *ประมาณ 25.7% นับตั้งแต่ต้นปี* ซึ่งนับเป็นตัวอย่างที่ช่วยยืนยันว่า *สินทรัพย์ดิจิทัลสามารถสร้างผลตอบแทนในรูปแบบเงินปันผลได้ในตลาดหุ้นแบบดั้งเดิม*
สแตรทิจีซึ่งต่อยอดจากยุคของไมโครสแตรทิจี เคยเป็นหนึ่งในบริษัทแรก ๆ ที่นำกลยุทธ์การลงทุนในบิตคอยน์มาใช้ และการปรับเพิ่มอัตราการจ่ายเงินปันผลในครั้งนี้ ก็เป็นข้อพิสูจน์ว่า *โมเดลการลงทุนในคริปโตสามารถสร้างผลประกอบการที่จับต้องได้จริงในตลาดทุน*
ด้วยการถือครองบิตคอยน์ที่เพิ่มขึ้นและราคาตลาดที่เป็นบวก คาดว่าไม่เพียงแค่หุ้น STRC จะได้รับแรงหนุน แต่ *ความเชื่อมั่นในกลยุทธ์การลงทุนและความน่าเชื่อถือของบริษัทก็จะยิ่งแข็งแกร่งขึ้น*
การดำเนินการในครั้งนี้จึงถูกมองว่า *เป็นข้อพิสูจน์ที่ชัดเจนว่าบิตคอยน์สามารถช่วยส่งเสริมทั้งผลประกอบการขององค์กรและผลตอบแทนของผู้ถือหุ้น* นำไปสู่การเปิดแนวทางใหม่ ๆ ในการนำคริปโตเคอร์เรนซีเข้าสู่ระบบการเงินภายในองค์กรอย่างจริงจังในอนาคต
ความคิดเห็น 0