บิตคอยน์(BTC) ยังคงเคลื่อนไหวในแนวโน้มขาขึ้นในระยะสั้น โดยล่าสุดราคาซื้อขายอยู่ในระดับที่มั่นคงที่ประมาณ 111,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 15.4 ล้านบาท) ทั้งนี้ บทวิเคราะห์เชิงเทคนิคหลายสำนักระบุว่า หากบิตคอยน์สามารถทะลุแนวต้านหลักในระยะสั้นได้ อาจมีโอกาสพุ่งต่อไปถึงระดับเป้าหมายถัดไปที่ 113,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 15.7 ล้านบาท)
เมื่อวันที่ 3 (เวลาท้องถิ่น) ข้อมูลจากบริษัทวิเคราะห์ตลาดคริปโตชื่อว่า CoinStats เปิดเผยว่า ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ราคาบิตคอยน์ปรับตัวเพิ่มขึ้น 2% มาอยู่ที่ระดับประมาณ 111,369 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 15.44 ล้านบาท) ซึ่งเป็นช่วงกึ่งกลางระหว่างแนวรับที่ 110,597 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 14.85 ล้านบาท) และแนวต้านที่ 111,787 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 15.54 ล้านบาท)
จากมุมมองด้านกราฟเทคนิค หากแท่งเทียนรายวันปิดใกล้หรือเหนือระดับแนวต้านบน มีความเป็นไปได้ที่แรงซื้อจะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งอาจนำไปสู่การทดสอบระดับเป้าหมายถัดไปที่ 113,000 ดอลลาร์สหรัฐ อย่างไรก็ตาม เงื่อนไขสำคัญคือการปิดราคาบิตคอยน์เหนือระดับ 111,775 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 15.53 ล้านบาท) ซึ่งจะกลายเป็น ‘สัญญาณการทะลุแนวต้าน’ ที่อาจนำไปสู่การเคลื่อนไหวไปยังกรอบราคาสูงกว่าเดิม
อย่างไรก็ตาม ยังคงมีความระมัดระวังจากนักวิเคราะห์ที่มองว่าการประเมินแนวโน้มระยะกลางถึงระยะยาวยังเร็วเกินไป เนื่องจากภาวะตลาดในปัจจุบันยังแสดงถึงแรงขายและแรงซื้อที่ดุลกันพอดี ประกอบกับปริมาณการซื้อขายที่เบาบาง ทำให้ยังไม่มีความชัดเจนในเรื่องของ ‘การเปลี่ยนแนวโน้ม’
ส่วนใหญ่ของการประเมินมองว่าในระยะเวลาไม่กี่วันข้างหน้า บิตคอยน์อาจเคลื่อนไหวแบบ ‘แกว่งตัวในกรอบ’ ระหว่าง 110,000–114,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 15.29–15.84 ล้านบาท)
กระแสการฟื้นตัวของบิตคอยน์ในรอบนี้ยังถูกตีความว่าเป็น ‘สัญญาณของการกลับมาของความเสี่ยง’ ในตลาดคริปโต โดยนักวิเคราะห์จำนวนมากเชื่อว่าท่าทีของธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ที่ยังไม่แน่ชัดเรื่องการขึ้นดอกเบี้ย ประกอบกับการกลับมาแข็งแรงของตัวชี้วัดทางเทคนิค เป็นแรงหนุนให้เกิดการฟื้นตัวครั้งนี้
หนึ่งในนักเทรดคริปโตรายหนึ่งได้แสดง *ความคิดเห็น* ว่า “ภายใต้แรงขายที่ลดน้อยลง ตลาดกำลังเคลื่อนไหวในจังหวะสมดุลระหว่างแรงซื้อกับแรงขาย ทำให้มีแนวโน้มสูงที่ราคาจะอยู่ในสถานะ ‘ทรงตัว’ ไปอีกระยะ”
แม้ตลาดจะยังไม่มีแนวโน้มชัดเจน แต่ในแง่มุมเทคนิคในระยะสั้น การเคลื่อนไหวระหว่างแนวรับและแนวต้านยังเป็นจุดสำคัญที่สามารถใช้วิเคราะห์ทิศทางราคาได้อย่างมีประสิทธิภาพ จนกว่าจะมี ‘แรงซื้อที่ชัดเจน’ ปรากฏให้เห็นเพื่อนำพาราคาก้าวสู่ช่วงถัดไป
ความคิดเห็น 0