ผลตอบแทนพันธบัตรทะยานทั่วโลก ดันบิตคอยน์(BTC)ขึ้นแท่นสินทรัพย์ทางเลือก แข่งทองคำ

ในขณะที่ตลาดพันธบัตรทั่วโลกกำลังเผชิญแรงกดดันจากความกังวลเรื่อง *เงินเฟ้อ* และ *ความไม่มั่นคงทางการคลังของสหรัฐฯ* ความสนใจจึงเริ่มเลื่อนไปยัง *บิตคอยน์(BTC)* อีกครั้ง โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวของประเทศชั้นนำอย่าง สหรัฐฯ ยุโรป ญี่ปุ่น และสหราชอาณาจักร ต่างพุ่งสูงขึ้นพร้อมกัน ส่งผลให้บิตคอยน์ในฐานะ ‘สินทรัพย์ทางเลือกที่ให้ผลตอบแทนสูง’ กลับมาเป็นที่จับตามอง แทนที่จะมองหา 'สินทรัพย์ปลอดภัย' แบบเดิม

เมื่อเร็วๆ นี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ระยะเวลา 30 ปี ปรับขึ้นแตะระดับใกล้ *5% ต่อปี* ด้านฝรั่งเศสก็มีอัตราดอกเบี้ยระยะยาวทะลุ *4%* เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2011 เช่นเดียวกับพันธบัตรรัฐบาลอังกฤษ (Gilts) ที่แตะระดับสูงสุดในรอบ *27 ปี* และที่ญี่ปุ่น อัตราผลตอบแทนพันธบัตร 30 ปีก็ทำสถิติ *สูงสุดเป็นประวัติการณ์* บ่งชี้ถึงความไม่มั่นใจของนักลงทุนในตลาดตราสารหนี้ หากธนาคารกลางยังคงลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายแต่ *อัตราผลตอบแทนระยะยาวยังพุ่งสูง* แสดงให้เห็นว่า ความกังวลต่อเงินเฟ้อในเชิงโครงสร้างและ *ภาระหนี้สาธารณะที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว* เป็นปัจจัยหลักที่สร้างแรงสั่นสะเทือนในตลาด

ในสภาวะแบบนี้ *บิตคอยน์ซึ่งถูกขนานนามว่าเป็น “ทองคำดิจิทัล”* เริ่มได้รับความคาดหวังมากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อทองคำจริงทำราคาสูงสุดใหม่อย่างต่อเนื่อง นักวิเคราะห์ระบุว่า *บิตคอยน์อาจมีบทบาทในฐานะสินทรัพย์เบต้า(β)สูงที่ให้ผลตอบแทนดีกว่า* โดยเฉพาะในช่วงที่ธนาคารกลางกลับมาใช้นโยบายผ่อนคลายและความคาดหวังเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับสูง หลายฝ่ายเชื่อว่า ความยืดหยุ่นของราคาบิตคอยน์สามารถแซงหน้าได้แม้กระทั่งทองคำในระยะยาว

ข้อมูลในอดีตยังแสดงให้เห็นว่า ราคาบิตคอยน์มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นควบคู่กับอัตราผลตอบแทนระยะยาวในช่วงที่เงินเฟ้อรุนแรง อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่ธนาคารกลางเดินหน้าใช้นโยบายเข้มงวด ราคาบิตคอยน์ก็มักปรับฐานลงอย่างรุนแรงเช่นกัน ครั้งนี้สถานการณ์ต่างออกไป เนื่องจาก *แรงกดดันจากหนี้สาธารณะและความกังวลด้านโครงสร้างเงินเฟ้อ* เป็นปัจจัยหลักที่ผลักดันอัตราดอกเบี้ย ไม่ใช่การเพิ่มดอกเบี้ยของธนาคารกลาง ส่งผลให้ความเชื่อมั่นในบิตคอยน์ว่ามีโอกาสแซงหน้าทองคำได้รับการสนับสนุนมากขึ้น

ในมุมของการเมือง สถานการณ์เศรษฐกิจที่ซับซ้อนนี้ยังเชื่อมโยงกับการเลือกตั้งสหรัฐฯ อย่างใกล้ชิด หาก *ทรัมป์* กลับมาดำรงตำแหน่งอีกครั้ง นโยบายใช้จ่ายภาครัฐอย่างหนักและการลดภาษีมีแนวโน้มจะถูกนำกลับมาใช้อีก ซึ่งอาจยิ่งทำให้ตลาดพันธบัตรปั่นป่วนยิ่งขึ้น ความไม่แน่นอนดังกล่าวอาจ *เปิดโอกาสใหม่ในตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล* โดยเฉพาะสำหรับนักลงทุนที่มองหาทางเลือกนอกระบบการเงินแบบเดิม ความเห็นส่วนใหญ่ของผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่า บิตคอยน์และสินทรัพย์ดิจิทัลอื่นๆ จะได้ประโยชน์จากฟากฝั่งความไม่แน่นอนในเศรษฐกิจโลกในระยะยาว