บิตคอยน์(BTC) เริ่มกลับเข้าสู่ภาวะทรงตัว หลังประสบความผันผวนต่อเนื่องในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะเดียวกัน ‘จิตวิทยาการลงทุน’ ก็เริ่มฟื้นตัวจากระดับความกลัวขั้นสูงสุดไปสู่อารมณ์แบบ ‘ระมัดระวังอย่างมีความหวัง’ ซึ่งนักวิเคราะห์บางรายมองว่า *เป็นสัญญาณแรกของการฟื้นตัว* ที่อาจเป็นไปได้
เมื่อวันที่ 3 ดัชนี ‘คริปโต ฟีอาร์แอนด์กรี้ด (Crypto Fear & Greed Index)’ ที่สะท้อนอารมณ์ของตลาด อยู่ในระดับ 39-46 สูงขึ้นจากช่วงก่อนหน้าซึ่งเคยอยู่ในช่วงต้นของเลข 30 ซึ่งยังถือว่าเป็นโซน ‘ความกลัว’ นักวิเคราะห์ชื่อ มาร์ตุน(Maartunn) ให้ความเห็นว่า “แรงขายเริ่มลดลง ซึ่งบ่งชี้ว่าการร่วงต่อเนื่องจากระดับสูงสุดกลางเดือนสิงหาคมกำลังชะลอตัวลง”
บิตคอยน์เคยขึ้นไปแตะระดับ 124,457 ดอลลาร์ (ประมาณ 1.73 ล้านบาท) เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม ก่อนจะร่วงลงถึง 107,500 ดอลลาร์ (ราว 1.49 ล้านบาท) และล่าสุดฟื้นตัวกลับมาที่ระดับ 110,700 ดอลลาร์ (ประมาณ 1.48 ล้านบาท) ส่งสัญญาณ *แนวโน้มการกลับตัวเล็กน้อย* จากจุดต่ำสุด
ตามข้อมูลจากบริษัทวิเคราะห์ข้อมูลออนเชน ‘บิตคอยน์ เวกเตอร์(Bitcoin Vector)’ ปริมาณเหรียญบิตคอยน์ที่อยู่ในสถานะขาดทุนในปัจจุบันคิดเป็นเพียง 9% ของอุปทานทั้งหมด ซึ่งต่ำกว่าเมื่อเดือนเมษายนที่เคยสูงถึง 25% หรือช่วงขาลงที่เคยแตะ 50% ซึ่งตีความได้ว่า การปรับฐานในรอบนี้ *ไม่ได้เกิดจากความตื่นตระหนกอย่างรุนแรง* และอาจเป็นเพียงการพักฐานระดับตื้น
อย่างไรก็ตาม แม้จะมีสัญญาณฟื้นตัวทางราคา แต่บิตคอยน์ยังคงลดลง 3.2% ในช่วงเดือนที่ผ่านมา และยังอยู่ต่ำกว่าระดับสูงสุดล่าสุดประมาณ 11% ด้านกำไรสะสมในปีปัจจุบันยังอยู่ที่ +87.6% ซึ่งยังคงเป็นภาวะตลาดขาขึ้น นักวิเคราะห์ทางเทคนิคมองว่าหากราคาไม่สามารถทะลุแนวต้านที่ 112,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 1.56 ล้านบาท) ได้ มีโอกาสสูงที่ราคาจะปรับลงต่อถึงบริเวณ 105,000 ดอลลาร์ (ราว 1.46 ล้านบาท)
ในอีกด้านหนึ่ง ‘ปัจจัยมหภาค’ โดยเฉพาะความคาดหวังต่อการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ(FOMC) ที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 17 กันยายนนี้ กำลังเข้ามากระทบความเชื่อมั่นของนักลงทุน ขณะที่กระแสคาดการณ์ว่าธนาคารกลางอาจลดอัตราดอกเบี้ยเริ่มก่อตัว หนึ่งในนักกลยุทธ์ตลาดคริปโตชื่อ ‘ดร.โพรฟิต(Doctor Profit)’ เตือนว่า “หากอัตราดอกเบี้ยลดลงในขณะที่ดอกเบี้ยระยะยาวยังสูง อาจสะท้อนถึงความกังวลด้านเศรษฐกิจมากกว่าผ่อนคลายนโยบาย และกระตุ้นให้ตลาดหนีความเสี่ยงแทน”
ในทางกลับกัน หาก Federal Reserve ผ่อนคลายนโยบายจริง นั่นอาจส่งผลให้สภาพคล่องกลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง และกลายเป็น *แนวรับสำคัญต่อการฟื้นตัวของบิตคอยน์*
โดยรวมแล้ว ถึงแม้บิตคอยน์จะเข้าสู่ช่วงฟื้นตัวทั้งในแง่จิตวิทยาและเทคนิค แต่หากไร้แรงซื้อหรือไม่มีปัจจัยแวดล้อมที่สนับสนุนเพียงพอ การไต่ระดับขึ้นต่ออาจเผชิญแรงต้าน นักลงทุนจึงควร ‘จับตาอย่างระมัดระวัง’ มากกว่าความมั่นใจว่าได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว ความเห็นส่วนใหญ่ยังเชื่อว่า ตอนนี้ ยังไม่ใช่ช่วงเวลาในการ ‘รีบซื้อ’ แต่เป็นช่วงของการ *เฝ้าระวัง* และ ‘รอความชัดเจนทางเทคนิค’
ความคิดเห็น 0