ปากีสถานเปิดรับบริษัทคริปโตระดับโลก เดินหน้าสู่มาตรฐานกำกับดูแลสากล

รัฐบาลปากีสถานเริ่มเปิดประตูสู่อุตสาหกรรมคริปโตระดับโลกอย่างเป็นทางการแล้ว เมื่อไม่นานมานี้ หน่วยงานกำกับดูแลสินทรัพย์ดิจิทัลของประเทศ หรือ *สำนักงานควบคุมสินทรัพย์เสมือนแห่งปากีสถาน (PVARA)* ได้เชิญชวนบริษัทคริปโตชั้นนำระดับโลกให้ยื่นขอ ‘ใบอนุญาตดำเนินงาน’ ในประเทศ เพื่อวางโครงสร้างกำกับดูแลระดับประเทศ และเป็นการปูทางให้ผู้ให้บริการสินทรัพย์ดิจิทัลจากนานาประเทศเข้าสู่ตลาดปากีสถานอย่างเป็นทางการ

เมื่อวันที่ 24 ช่องข่าวท้องถิ่น *Dawn* รายงานว่า ทาง PVARA ระบุชัดว่าจะเปิดให้เฉพาะบริษัทที่ได้รับอนุญาตจากหน่วยงานกำกับดูแลที่ได้รับการรับรองในระดับสากลเท่านั้นที่มีสิทธิ์ยื่นขอใบอนุญาต เช่น คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์สหรัฐ (SEC), หน่วยงานกำกับทางการเงินสหราชอาณาจักร (FCA), กลุ่มควบคุมผู้ให้บริการสินทรัพย์ดิจิทัลของสหภาพยุโรป (VASP Framework), สำนักงานควบคุมสินทรัพย์เสมือนของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และธนาคารกลางสิงคโปร์ (MAS)

บิลาล บิน ซาคิบ ประธาน PVARA และรัฐมนตรีผู้ดูแลด้านบล็อกเชนของปากีสถาน กล่าวถึงการเชิญชวนในครั้งนี้ว่า เป็น ‘ข้อเสนอเพื่อเชิญบริษัทให้บริการสินทรัพย์ดิจิทัล (VASP) ชั้นนำของโลก เข้าร่วมสร้างระบบนิเวศทางการเงินแบบดิจิทัลที่โปร่งใสและครอบคลุมร่วมกันในปากีสถาน’ พร้อมเน้นถึงความสำคัญของการร่วมมือกับภาคเอกชนระดับโลก

การดำเนินการครั้งนี้ถือเป็นก้าวแรกของรัฐบาลปากีสถานที่ส่งสัญญาณชัดเจนว่า ต้องการหลุดพ้นจากภาพจำเดิมที่มีต่อคริปโตในฐานะสินทรัพย์ที่ถูกมองอย่างไม่ชัดเจน และต้องการเข้าสู่ ‘ตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลโลก’ ในเชิงรุก

แม้ก่อนหน้านี้ปากีสถานจะมีจุดยืนที่ค่อนข้างปิดต่อการยอมรับคริปโต แต่ด้วยกระแสการเติบโตของเทคโนโลยีบล็อกเชนและสกุลเงินดิจิทัลในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ปากีสถานเริ่มตระหนักถึงความจำเป็นของการกำกับดูแลเพื่อให้สอดคล้องกับแนวโน้มระดับโลก โดยเป็นหนึ่งในความพยายามเพื่อดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติ ควบคู่ไปกับการพลิกโฉมบริการทางการเงินในประเทศให้เข้าสู่ยุคดิจิทัล

‘ความคิดเห็น’: แม้ยังเร็วเกินไปที่จะบอกว่าความพยายามนี้จะนำมาซึ่งการลงทุนขนาดใหญ่จริงหรือไม่ แต่สิ่งที่เห็นชัดเจนคือ ปากีสถานกำลังแสดง ‘จุดยืน’ ที่แน่วแน่ในการเดินหน้าสู่ระบบการกำกับดูแลสินทรัพย์ดิจิทัลตามมาตรฐานโลก ในช่วงเวลาที่อุตสาหกรรมคริปโตทั่วโลกกำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว บทบาทของรัฐบาลแต่ละประเทศจะกลายเป็นกุญแจสำคัญสู่ความสามารถในการแข่งขัน